NAMELESS!
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.



 
บ้านLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]

Go down 
2 posters
ผู้ตั้งข้อความ
Urielh

Urielh


Registered : 05/02/2010
Posts : 189

สถานะ : โช๊ะเช๊ะ! :D
Fame Gauge :
[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Right_bar_bleue


[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]   [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Icon_minitimeFri Feb 12, 2010 6:35 pm

[VALENTINE PROJECT]
SNOW REVERSE
AUTHOR BY MOVIVIN & URIELH

อนึ่ง..ฟิคนี้ตอนนี้สำเร็จแค่พาร์ทของยูริเอลนะคะ /orz'l| เนื่องจากโมวี่ติดสอบ (แค่มันสัญญาว่าไม่ดองก็ดีใจมากมายแล้ว! ฟิควาเลนไทน์ปีที่แล้วมันยังดองข้ามภพเลยค่ะพี่น้อง... กร๊ากกก)

PS.พาร์ทนี้จะมีตรงบทบรรยายพิเศษที่ขอตัดออกนะค้า เพราะมันจะเป็นการสปอยล์ตอนจบแล้วมันจะไม่สนุก *ร้องไห้* เอาเป็นว่าพอวีวี่เสร็จเมื่อไหร่จะเอาพาร์ทที่ตัดออกมาลงให้นะคะ เดี๋ยวจะใส่ไว้ให้ค่ะว่าตรงไหนที่ตัดออกไป ขอบคุณมากๆค่ะ !

PS2.สำหรับในเรื่องนี้ AYF เป็นบอร์ดอีกบอร์ดของพวกอีวิลที่ยูเอามาเป็นสถานที่น่ะค่ะ

_________________________________________________________________________


ตรงนี้ตัดออกปี๊บๆ

_________________________________________________________________________

“ประสบการณ์การทำงาน”
“อ่า…ผมท่องเที่ยวไปรอบโลกครับ แน่นอนว่าต้องมีประสบการณ์อยู่แล้ว”
“มีความถนัดทางไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ก็..ด้านการพูดจาหว่านล้อมคนน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าเหยื่อไม่เต็มใจผมก็ไม่เอาหรอก”
คำตอบที่ได้รับทำเอาหญิงสาวคิ้วกระตุกกึกๆ เธอขยับด้ามแว่นขึ้นก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้าง ดวงหน้ามีรอยยิ้มสุภาพประดับ..ดูขัดกับท่าทางเสียนี่กระไร
“จบการศึกษาจากโรงเรียนอะไร มหาวิทยาลัยอะไร คณะอะไร?”
เธอยังคงตั้งคำถามรุกหน้าต่อหวังให้บรรลุในหน้าที่ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกับมาด้วยสีหน้าดังเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
“โรงเรียน..ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว เรียนถึงป.4แล้วเห็นว่าน่าจะหางานทำ ขี้เกียจเรียนไปด้วยเลยลาออก ไปเรียนใหม่ตอนม.3 กำลังจะจบม.6แล้ว อีกแค่สามเดือนเอง แต่โดนผอ.ไล่ออกมาก่อนเพราะทำลูกสาวผอท้อง. แต่ผมไม่รับผิดหรอกนะ อา..เพราะผู้หญิงคนนั้นเล่นนอนกับคนอื่นไปทั่วเลยน่ะสิ ...แต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนะ ได้พาสต์ไปปีสามเลย ส่วนคณะอะไร..ผมก็จำไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ”
หญิงสาวแทบสำลักชาหลังจากฟังคำตอบของอีกฝ่าย
“ผลการเรียนเฉลี่ย”
“3.99”
“....”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ อาจารย์เขาเห็นว่าผมขาดเรียนเยอะไปหน่อยน่ะ”
อีกฝ่ายค้านขำๆเมื่อดวงหน้าของหญิงสาวเริ่มยิ้มไม่ออก
“ต้องการงานไหนเป็นพิเศษรึเปล่า”
“อา…ผมน่ะได้หมดครับ จะภารโรงก็ได้นะ…ผมไม่เกี่ยง…”
“อืม…งั้นสรุปว่า วันนี้คุณเดินดูทัศนียภาพรอบโรงเรียนไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้คนของเรากำลังขาด ตอนเย็นมาพบฉันที่นี่ หรืออาจจะตำแหน่งของคุณเลยก็ได้ เอาเป็นว่าฉันจะแจ้งให้คุณทราบอีกที”
“ครับ…” ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะเหลือบสายตาสำรวจดวงหน้าอีกฝ่าย “แต่คุณนี่..หน้าตาคุ้นๆนา ...”
เจ้าตัวพูดก่อนจะหยิบแว่นออกจากดวงหน้าอีกฝ่ายแล้วหยิบมาสำรวจก่อนจะพึมพำ
“ไม่ใช่แว่นสายตา…แสดงว่าตอนแรกคาดไว้ที่หน้าผาก พอต้องทำงานก็เอามาใส่สินะ”
“....”
อีกฝ่ายเงียบพลางเริ่มหลบสายตาของเขา ชายหนุ่มเชยคางอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะยิ้มบางๆ
“มีการมีงานทำแล้วงั้นเหรอเนี่ย...โลหิต”
“เอามือออกไปจากคางแล้วก็เอวฉันด้วย…ไอ้เฮียราคะ”
.
.
ดาดฟ้าโรงเรียนเอวายเอฟในวันนี้ยังคงโล่งและไร้ผู้คนเหมือนเดิม
แสงแดดอ่อนๆกระทบใบหน้าของเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าหลบ แล้วหยิบหมวกแก๊ปสีเลือดหมูเข้มมาสวมใส่ สภาพในตอนนี้คือเสื้อนักเรียนหลุดลุ่ย สูทตัวนอกกับผ้าคลุมประจำตำแหน่งถูกโยนทิ้งเอาไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ เหลือเพียงเสื้อแขนยาวสีขาวที่ไม่ได้ยัดลงไปในกระโปรงให้เรียบร้อย กับสิ่งผิดระเบียบทั้งหลายแหล่ที่ถ้าครูฝ่ายปกครองมาเห็นเธอต้องโดนเทศน์จนหูชาเป็นแน่แท้
สองมือประคองลำกล้อง ก่อนจะหมุนตัวปุ่มเกลียวปรับระยะทางของภาพเข้าออกอย่างชำนาญ พลางเล็งไปที่เป้าหมายแต่ละคน
อา..คนนั้นก็สวย คนนี้ก็หน้าตาดี คนนู้นก็น่ารัก คนโน้นก็เท่ ... อ๊ะๆๆ! เด็กคนนั้นก็โชตะน่ากินจังเลย ...
เจ้าตัวคิดในใจขณะมองภาพรวมๆของนักเรียนAYFSแต่ละคน ก่อนจะถอยหลังเพื่อซูมความไกลของรูปภาพ
กึก!
แผ่นหลังกระทบได้กับอะไรบางอย่างที่ไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป แต่ก็กระด้างพอควร และดูท่าจะมีขนาดสูงกว่าตัวเธอ เจ้าตัวเหลือบตากลับไปมองช้าๆ
“โอ๊ะ”
“อ๊ะ”
อีกฝ่ายอุทานออกมา ตามด้วยเสียงอุทานของเธอ เมื่อทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมีกล้องส่องทางไกลอยู่ในมือ (...) และยังเป็นรุ่นเดียวกัน หากแต่ต่างกันตรงสีลำกล้อง อีแบบนี้มัน..ส่อเจตนาทั้งคู่ชัดๆ…
“อะอ้าว~ น้องสาวขึ้นมาทำอะไรบนนี้น่ะครับ”
น้ำเสียงสบายๆเอื่อยๆของอีกฝ่ายเรียกให้เจ้าตัวตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก
“มาส่อง..เอ่อ..หมายถึง สำรวจความเรียบร้อยน่ะค่ะ”
“โอ๊ะโอ…พี่ควรจะเชื่อดีมั้ยนะ?”
“แล้วพี่ชายล่ะคะ มาทำอะไรบนนี้”
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นการยากที่จะปกปิดนิสัย (สันดาน) เจ้าตัวจึงตอบกลับมาแบบตรงไปตรงมาและย้อนถามอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
“อ้อ…มาเล็งหาเหยื่อน่ะ น้องสาวเป็นคนที่นี่สินะ แถวนี้มีใครหน้าตาดีบ้างล่ะ”
“ตรงหน้าพี่นี่ไงหนึ่งคน”
เธอตอบหน้าตาย ราคะหัวเราะลั่นก่อนจะเอ่ยแซวขำๆ “เล่นมุขซะด้วย…สนใจมั้ยน้องสาว? พี่ไปหาถึงห้องได้นา~”
“ถ้าคิดว่าผ่านระบบรักษาความปลอดภัยมาได้ก็ลองเลยค่ะ ไม่กลัวนะเออ~”
“ของแบบนั้นน่ะพี่ไม่กลัวอยู่แล้ว”
อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอหัวเราะลั่นก่อนจะพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า
...สูงชะมัดเลยแฮะ...
“ดูจากการแต่งกายแล้ว .. พี่คงไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนนี้สินะ มาหางานทำเหรอ?”
“อ้อ ใช่เลยล่ะ” อีกฝ่ายยักไหล่เนือยๆ “ก็นะ..ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีซะด้วย”
“อ๋อ อื้มๆ” เจ้าตัวตอบรับก่อนจะถามต่อ “พี่อายุเท่าไหร่เนี่ย?”
“22..ปีนี้ก็23แล้วล่ะนะ”
“ฉันพึ่ง16เมื่อไม่นานมานี้ … อายุเราห่างกันประมาณเจ็ดปีได้สินะ”
“ถึงจะเจ็ดปีพี่ก็ไม่เกี่ยงนา…”
“ไม่เกี่ยงเหมือนกันค่ะ พอดีว่าเป็นพวกชอบกินเด็ก ชอบกินผู้ใหญ่”
เจ้าตัวตอบยิ้มๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากข้างล่าง
“ไอ้พวกบ้า…” เธอบ่นงึมงำ ก่อนจะยัดเสื้อใส่ชายกระโปรงก่อนจะหันมาขยิบตาให้ราคะที่นั่งมองแบบงงๆอยู่
“แล้วเจอกันนะคะ เราคงเจอกันใหม่เร็วๆนี้นั่นล่ะ”
จบประโยค เจ้าตัวก็กระโดดลงไปจากดาดฟ้า ข้ามไปยังเสาบริเวณต่างๆอย่างรวดเร็ว
...ไวเหมือนงู...
ราคะนึกในใจก่อนจะมองตามร่างในอาภรณ์สีแดงเลือดหมูที่ห่างไกลออกไปทุกที….
.
.
“ฮึกๆๆๆ...โฮฮฮฮ”
“…หยุดร้องเถอะ เดี๋ยวฉันจะหานักเรียนผู้ช่วยสวยๆให้เอามั้ย?”
“ฉันเบื่อผู้หญิงแล้ว!!!”
“หยุดร้องเถอะ.......เดี๋ยวฉันหาผู้ชายให้ก็ได้”
“ฉันอยากกินเด็กโชตะๆ!!! แต่โรงเรียนเราแทบไม่มีเลย ฮือออ~”
“นักเรียนที่ฉันเลือกมาให้เธอก็อายุแก่กว่าพวกเรา ไม่ชอบเหรอ?”
คิงแห่งเอวายเอฟร่างแอสโมดิวส์หรือ ‘อามิษ’ ชะงักกึก ... ก่อนจะคิดภาพเธอผู้มีศักดิ์เป็นคิง กับผู้ติดตามอายุราวๆสามสิบสี่สิบ.....
“ไม่เอา!!!!!! ฮือออออ”
“หยุดร้องเถอะน่า....”
“ฮึกๆ…ซิก ฮือออ~”
“แต่เขาหล่อนะ”
“....เมื่อไหร่เขาจะมาเหรอ วันนี้รึเปล่า แล้วมีแฟนรึยัง เคี้ยวง่ายมั้ย อะไรยังไง”
มิกะกลั้นหัวเราะหึๆกับปฎิกริยาตอบรับของอีกฝ่าย ก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องแล้วเหลียวหลังกลับมามอง
“นั่งรอไปก่อนแล้วกัน อีกประมาณสิบนาทีเขาคงจะมาถึง”
“อื้อๆ~”
.
.
.
“นี่! ขอเถอะ ไอ้บ้าราคะ แกช่วยเอามือออกไปจากเอวของฉันจะได้มั้ย!!!”
โลหิตตวาดแหวก่อนจะแกะมือของราคะออก แล้วเดินกระแทกเท้านำหน้าอีกฝ่ายลิ่วๆ
“ไม่เจอกันตั้งนาน…พูดจาไพเราะคะขาจ๊ะจ๋ากับฉันบ้างก็ได้นะโลหิต....”
“คนอย่างแกมีค่าให้พูดแบบนั้นด้วยเร๊อะ!?”
“งั้นแสดงว่าโรคาก็คงไม่มีค่า เพราะเธอไม่พูดคะขาจ๊ะจ๋ากับมันเลย”
“ไอ้!!!!!!”
โลหิตแทบถอดรองเท้าส้นสูงฟาดหน้าอีกฝ่าย หากแต่เธอสะกดอารมณ์เอาไว้ทันและเดินลิ่วๆไปที่ห้องประธานนักเรียน
“ในนี้ล่ะ!!!! เชิญแกไสหัวของแกเข้าไปได้เลย..ไอ้บ้าเอ๊ย!!!”
คุณเธอตวาดแหวลั่นก่อนจะหันหลังเดินออกไปอย่างหงุดหงิด พลางเอามือลูบแขนที่ขนลุกซู่ไปด้วย
ราคะมองปฎิกริยาของโลหิตแล้วกลั้นหัวเราะหึๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสภานักเรียน
พนักเก้าอี้สูงปิดบังร่างของผู้นั่งซึ่งหันหน้าไปอีกทาง เห็นเพียงเส้นผมสีเทาหม่นราวกับศิลาสีหมอง ก่อนที่พนักเก้าอี้สีเลือดหมูพร้อมตัวเบาะจะค่อยๆหันมาทางเขา
เด็กสาวสำรวจเขาอย่างพินิจ อีกฝ่ายนั้นนัยน์ตาสีเขียวมรกตแกมเหลืองราวอสรพิษ ในขณะที่ผมเป็นสีศิลา ผิวสีขาวซีดราวกับผู้ที่ไม่ได้ออกมาสัมผัสแสงแดดจากโลกภายนอกเป็นเวลานาน ดวงหน้านั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆนอกจากความฉงน และ...
“อ้าว พี่ชาย…”
“โอ๊ะ คุณน้องสาว~”
“กะแล้วจริงๆด้วยว่าต้องเจอกันอีก…”
เจ้าตัวเท้าคางจ้องราคะยิ้มๆ
“อืม…ตอนแรกนึกว่าจะได้ตำแหน่งภารโรงซะอีกแฮะ…เสียดายชะมัด”
“ทำไมพี่ถึงอยากได้งานตำแหน่งภารโรงล่ะ?”
อามิษถามพลางหัวเราะหึๆเมื่อคิดภาพอีกฝ่ายในชุดภารโรง
“ก็นะ…ถ้าเป็นภารโรงอะไรแบบนี้ มันก็ต้องมีกุญแจหอพักแต่ละคนเอาไว้ฉุกเฉินอยู่แล้ว…”
“เออ…เรื่องนั้น อันที่จริงขอฉันก็ได้นะ” อามิษตอบปลงๆ ก่อนจะล้วงกุญแจจากสายห้องกระโปรงดอกหนึ่งแล้วโยนให้ราคะ
“กุญแจผีหอพัก แต่ถ้าใช้มือดัดส่วนแหลมๆตรงปลายจะเอาไว้ไขห้องพักครู”
“ขอบใจมากนะ…ว่าแต่ คุณน้องสาวชื่ออะไรงั้นเหรอ?”
“เอ่อ…ใช้ดีๆนะ อย่าบิดจนหัก ฉันปั๊มพ์มันเอาไว้แค่สามชุด ส่วนชื่อ ฉันชื่ออามิษนะ…พี่ราคะ”
“โอ้ รู้ชื่อฉันซะด้วย”
“ใบประวัติน่ะ…ชื่อจริงก็...นาคาสินะ”
“คนเป็นคิงนี่มันดีอย่างนี้เองเนอะ..งั้นคงมีประวัติมีรูปนักเรียนทุกคนล่ะสิ มาสลับตำแหน่งกันมั้ย?”
“ตลกแล้วค่ะ”
อามิษหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “วันนี้น่ะยังไม่เริ่มงานนะ จะไปหาอะไรกินหาอะไรทานก่อนก็ได้”
“อา…ใช่ วันนี้น้องสาวกับน้องชายของพี่จะเอาเสื้อผ้ากับของใช้มาให้น่ะ…”
“อ๋า..งั้นเหรอ หน้าตาดีรึเปล่าน่ะ…”
“ไม่ค่อยเลยนะครับคุณน้องสาว ตระกูลของพี่มีแต่คนหน้าตาดีทั้งนั้นล่ะ หน้าตาไม่ดีสิแปลก”
“ขอบคุณมาก”
“สนใจจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ?”
“…” อามิษเงียบ ก่อนจะมองไวท์บอร์ดที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ประชุมสภานักเรียนตอนห้าโมงเย็น’ และหยิบปากกาเคมีสีน้ำเงินขึ้นมาวาดตัว ‘=U=’ และเขียนต่อท้ายว่า ‘คิงโดด’
“เท่านี้ก็ว่างแล้ว..ไปก็ไปสิ” เจ้าตัวยิ้มเผล่
“ครับๆ..คุณคิง”
.
.
.
รถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงสะดุดตาพุ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะปาดฉวัดเฉวียนดูแล้วชวนตาลาย และสิ้นสุดลงตรงหน้าของราคะที่ยืนยิ้มบางๆ และอามิษที่นั่งยุ่งอยู่กับงานกองโตซึ่งเธออยากจะปามันกระแทกหัวไอ้โจ๊กเกอร์จอมโดดงานนัก
“พี่ราคะ~”
หญิงสาวร่างโปร่งก้าวลงมาจากรถพลางดึงแว่นกันแดดออก เสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้น รองเท้าส้นสูงตามสมัยนิยมบ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวของเธอได้ง่ายๆ ก่อนที่เธอจะเดินมาสวมกอดราคะหมับแล้วจูบปากตาม ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยทำเพียงยกมือข้างเดียวเป็นเชิงทักทายแล้วหาวหวอดๆ
“เป็นยังไงบ้างตัณหา..ขอบคุณมากนะที่เอาของมาให้”
ราคะยิ้มก่อนจะยกของลงจากรถของผู้เป็นน้อง ในขณะที่อามิษผู้กำลังแสดงความพิสวาสอย่างไม่เต็มใจต่องานกองโตโบกมือหยอยๆให้กับควีนแชร์
“เฮ้! กิโยติน นายช่วยเอาสัมภาระนี่ไปเก็บไว้ที่ห้องของราคะหน่อยสิ ฉันไม่ว่าง”
“ทำไมฉันต้องฟังหล่…”
“จิตพิสัยครบยี่สิบคะแนนเขาบอกจะเจอบทลงทัณฑ์จากเอโพธิ์ดำซะด้วยนา…”
“โอเค ฉันจะเอาไปส่งให้ภายในห้านาที”
อามิษหัวเราะหึๆ ก่อนจะหันไปสนใจกับกองงานต่อ
“อ้ะ~ พี่ชาย เด็กคนนั้นเป็นใครกันน่ะ” ตัณหาหันมาทางอามิษ “น่ารักจังเลย ไซส์มินิด้วย~” (.........)
“อ๋อ..นั่นเป็นประธานนักเรียนตำแหน่งคิงน่ะ…”
“ดูน่าสงสารจังเลย กองงานสูงกว่าตัวเขาอีกนา…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…มันกำลังจะสบายแล้วแท้ๆ ถ้าโจ๊กเกอร์ไม่สำออย และถ้าเอโพธิ์ดำไม่โดดงาน”
มีเสียงพึมพำเนือยๆดังลอยมาจากอามิษ
“โดดงานงั้นเหรอ…อืม..ไอ้คนนิสัยชอบโดดงานที่รู้จักฉันก็มีอยู่นา… แถมยังพอจะรู้มาว่าโรงเรียนนี้มีเผ่าแกะดำอยู่ด้วยคนนึงนี่...”
“ขอทราบชื่อเอโพธิ์ดำได้มั้ยจ้ะสาวน้อย”
ตัณหาถามยิ้มๆ อามิษชะงักกึกก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ราวกับอยากหักคอไอ้คนที่เจ้าตัวพูดถึงนัก
“โมวิวิน เอ็น เดไลล่า”
“ห…หมอนั่นจริงด้วย…”ราคะพึมพำ
“นั่นไง ไอ้บ้านั่นอ่านการ์ตูนอยู่บนต้นไม้”
จบประโยค ก้อนหินขนาดสองฝ่ามือก็ลอยไปหมายจะกระแทกร่างของเอโพธิ์ดำ หากแต่อีกฝ่ายรับมันเอาไว้แล้วปากลับมายังอามิษ
เปรี้ยง!!!!
ทันทีที่ก้อนโดนสองนิ้วของอามิษประทับไปตรงกลาง มันก็กระจายตัวแตกเป็นชิ้นๆ อามิษจ้องเอโพธิ์ดำอย่างหงุดหงิด
“ถ้าแกไม่คิดจะช่วยงาน ก็รีบเคลียร์ไอ้ไนท์แมร์ลิลลี่สิวะ! คุโรโดนสิงมันเลยหาข้ออ้างสำออยไม่ทำงานเนี่ย!!!”
“ขี้เกียจ…”
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
“ยัยเตี้ยเอ๊ย…โอ๊ะ หวัดดี…”
โมวิวินหันมาโบกมือเนือยๆให้ราคะ ก่อนที่เขาจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง พับเป็นจรวดและร่อนลงไปข้างล่าง
“พ่อของแกฝากส่งจดหมายมาให้แน่ะ…”
ราคะสะดุดกึก ก่อนจะหันมารับจดหมายนั้นและฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ “ฝากบอกด้วยว่าฉันไม่ได้รับ”
“…อ่า…งั้นฉันจะฝากบอกไปให้เลยละกันว่ารับแล้วฉีกทิ้ง”
“แกต้องได้ตายสักวันแน่ๆ”
อามิษบ่นพึมพำ ก่อนที่โมวิวินจะพูดต่อ “ในเมื่อแกดูเหมือนจะไม่รับดีๆ…งั้นฉันก็อ่านออกเสียงประจานความน่าอับอายไปเลยละกันเนอะ….”
ยังไม่ทันที่จะมีใครจะได้พูดอะไร โมวิวินก็สบถเบาๆ “ภาษาอะไรวะ….”
“ภาษางู แกนี่มันมีดีแต่โดดเรียนรึไงฮะโมวิวิน?”
“ก็ฉันไม่ได้เป็นงูแบบหล่อนนี่นา….”
“ฉันขอตัวล่ะ”
ราคะแทรกขึ้นมาเงียบๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทันทีที่เหลือบเห็นเนื้อหาภายในจดหมาย ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังเดินกลับเข้าหอไป
“อ้าว..อารมณ์เสียซะแล้วงั้นเหรอ จะไปไหนน่ะ…”
โมวิวินพูดเอื่อยๆ หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับการ์ตูนที่ตนอ่าน
“ไปนอน”
“นอนเร็วจังน้า…..”
ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา มีเพียงแก่การเร่งเดินให้เร็วขึ้นเรื่อยๆของราคะ และห้านาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียงดังปังราวกับประตูบานยักษ์ถูกกระแทกปิดลง
.
.
.
เสียงเคาะประตูเป็นระยะๆทำเอาราคะรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ก่อนที่เขาจะถามห้วนๆ
“ใคร?”
“พี่ราคะ…..พี่ไม่ได้ออกจากห้องมาสองวันแล้วนะ เดี๋ยวก็เน่าตายเป็นซากงูอยู่ในนั้นหรอก…”
เสียงของอามิษแว่วมาเบาๆ ก่อนที่ราคะจะตอบกลับไป “ออกไปซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“จะหาเรื่องอู้งานล่ะสิ….ออกมาเร็วๆ นี่ดึกแล้วนะ พี่ตัณหากับพี่กิเลสจะชวนไปผับ….”
“บอกสองคนนั้นด้วยว่าฉันไม่ไป”
“พี่ตัณหากับพี่กิเลสมายืนรออยู่หน้าโรงเรียนแล้ว เขาบอกเดี๋ยวพี่จะหาว่าไม่ชวน”
ราคะถอนหายใจ “เห็นว่ามารอแล้วหรอกนะ ก็ได้ ฉันจะไป”
.
.
.
บ้าชะมัด..อะไรของมันเนี่ย!
อามิษก่นด่ายามหน้าผับที่กำลังจดๆจ้องๆเธออย่างสนอกสนใจราวกับไม่เชื่อว่ามีบัตรประชาชนแล้ว จนเธอแทบประเคนหมัดเข้าให้ที่กกหู ถ้าไม่ติดว่าราคะยื่นบัตรอะไรสักอย่างให้ซะก่อน แล้วพวกนั้นก็ล่าถอยออกไป
นี่ก็อีกคน…
อามิษคิดในใจก่อนจะมองราคะที่ราวกับเป็นคนละคนเมื่อช่วงเย็นหลังจากเหยียบเข้าผับ
ท่าจะประสาท...
คิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินตามตัณหาเข้าไป
เธอแยกตัวไปนั่งฝั่งริมสุดก่อนจะสั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบคนเดียวเงียบๆ หากแต่ยังไม่ทันที่ขอบแก้วจะจรดริมฝีปาก มือของราคะก็ดึงแก้วออก
“เห็นว่าเมาง่าย…ไม่ดื่มจะไม่ดีกว่าเร้อ?”
“ไม่เป็นไรน่า…วันเดียวเอง เอาแก้วคืนมาๆ”
อามิษพึมพำก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเมื่อฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มไปเมื่อสิบนาทีก่อนเริ่มเล่นงานจนหัวปวดตุบๆ
“ไม่คืน แค่ไวน์ยังกินไม่ได้เนี่ยนะ”
“ไม่ได้มานานแล้วต่างหาก…งานเยอะ”
“แล้วทำไมไม่โดดแบบเย็นเมื่อวานนี้”
“เมื่อวานเป็นครั้งแรกนะที่โดดงาน ปรกติไม่เคยอู้..โดนมิกะว่าอยู่เหมือนกันว่าทำอะไรไม่มีเหตุผล”
“แสดงว่าปรกติไม่เป็นแบบนั้น?”
“อื้ม” อามิษตอบเสียงอู้อี้เพราะฟุบหน้าลงด้วยความง่วง
“อู้งานเพื่อพี่เหรอเนี่ย…”
เจ้าตัวแซวขำๆ
“พี่บ้า!!”
เสียงตวาดแหวลอดออกมาเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะบ่นงึมงำอีกสักสองประโยคแล้วหาวหวอดๆ
“ดื่มนี่ดีกว่ามั้ย นมน่ะ”
ราคะหยิบกล่องนมขึ้นมาชูแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“ไม่เอา ไม่กิน”
“ไม่กินแบบนี้ตัวเลยไม่สูงไง”
“เดี๋ยวสักวันก็สูงน่า…”
“อย่าดื้อแล้วกินๆเข้าไปเถอะ เห็นแล้วสภาพน่าสงสารชะมัด กินไวน์ทีเหมือนโดนวางยา”
“ไม่กิน…”
ราคะจับหน้าของอามิษให้หันมาปะทะกับกล่องนม ก่อนที่เขาจะก้มตัวลงต่ำราวกับกำลังพากย์บทพูดให้กับกล่องนมกล่องนั้นว่า ‘’กินเข้าไปเถอะ นมน่ะ มีประโยชน์นา…กินแล้วตัวสูงด้วย”
“กินก็ได้…”
เจ้าตัวตอบเสียงอู้อี้ก่อนจะรีบนมมากินทั้งๆที่สีหน้าบ่งบอกถึงความง่วงจัดแล้วก้มหน้างุดๆ
“ก้มหน้าทำไม อะอ้าว~ หน้าแดงด้วย เขินพี่เหรอครับ?”
“บางทีฉันควรจะบอกพี่แต่ต้นว่าไปตายซะ”
“ฮ่าๆๆ”
______________________________________________________________
ตัดปี๊บนะค้า ~
______________________________________________________________
“กิเลส…ฉันหนาวจังเลย...”
เสียงอู้อี้ดังแผ่วเบามาจากตัณหาที่นั่งตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่กิเลสจะหันไปมองและกอดตัณหาไว้แน่น
“อุ่นขึ้นรึเปล่า”
“อือ…”
“อิจฉาจังนา…”
อามิษพึมพำเบาๆ “ฉันก็หนาว…แต่ไม่มีฝาแฝดหรอกนะ”
“ถึงจะไม่มีฝาแฝด แต่ถ้าหนาวล่ะก็...”
ราคะพูดก่อนจะเว้นช่วงหันไปมองอามิษที่ฟุบหลับอยู่ข้างๆ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
“อ้าว..หลับไปแล้วงั้นเหรอ”
ราคะลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์และสั่งเครื่องดื่ม ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มร่างโปร่งอีกคนมานั่งข้างๆเขา
“สวัสดี..ไม่เจอกันซะนาน…”
น้ำเสียงที่ได้ยินทำเอาราคะตัวแข็งทื่อ เขาลุกขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะยืนนิ่งไม่ไหวติง
“เจ้าฝาแฝดสองคนนั้น…ยังน่ารักเหมือนเดิมสินะ”
ชายหนุ่มผู้มาใหม่พูดพลางเหลือบสายตามองกิเลสและตัณหาและต่างไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง
“เขาเป็นครอบครัวของผม”
“ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวเหมือนเดิมเลยนะ…แล้วฉันนับเป็นหนึ่งในครอบครัวของนายรึเปล่า?”
“ผมไม่เคยนับคุณเป็นครอบครัวของผม”
“ก็ดี…ไม่อย่างนั้นฉันคงเสียใจแย่…”
‘ไวเปอร์’ พูดเสียงเรียบ ราคะถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ…ก็แค่..ทางผ่านน่ะ”
ไวเปอร์พูด ในขณะที่ราคะรู้ดีว่าเขาไม่ควรจะเชื่อคนตรงหน้า
“ฮ้าววว…ง่วงจังเลย…”
เขาได้ยินเสียงของอามิษแว่วมาเบาๆจากโต๊ะอีกฟาก ก่อนจะเหลือบตามองเห็นเธอที่กำลังหาวพลางกะพริบตาถี่ๆราวกับกำลังสับสนและหันซ้ายทีขวาทีราวกับนึกว่าตนถูกทิ้งเอาไว้ ไม่นานนัก เจ้าตัวก็บ่นงึมงำเบาๆแล้วฟุบหลับต่อ
..หลับง่ายชะมัด..
“ผมขอตัวล่ะ”
ราคะหันหลังเดินกลับไป ก่อนจะเรียกกิเลสและตัณหาเบาๆ และช้อนตัวอามิษขึ้นก่อนจะเดินออกไปนอกผับ
ชั่วแวบหนึ่ง…ไวเปอร์มองภาพนั้นก่อนจะครุ่นคิดในใจ และตัดสินใจบางอย่าง ....


หลายเดือนที่ผ่านมานี้...การพัฒนาของประเทศที่พึ่งเริ่มต้นใหม่อย่างAYFเป็นไปด้วยดี
ประชากรอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติสุข ทั้งคนปรกติ และปีศาจเผ่าพันธุ์ต่างๆ
และนั่นคือเหตุผลที่ไม่น่าแปลกใจ…ว่าคิงแห่งAYFSมีสายเลือดแอสโมดิวส์และอสรพิษ
และในวันนี้...การดำเนินงานก็ยังเป็นไปได้อย่างปรกติดี
“บนเวทีนั่นมันอะไรกันน่ะน้องสาว ทำไมดูจริงจังชะมัดเลย ฮ่าๆๆ”
ราคะแซวขำๆขณะที่ยืนมองอามิษเดินลงมาจากเวทีด้วยอาการที่เรียกกันว่า ‘หมดอาลัยตายอยาก’
“ไม่ไหวแล้วพี่…ฉันยืนมาจะสามชั่วโมงแล้ว อยากอ้วก…”
“เอาน่า ทนหน่อย เย็นนี้มีงานเทศกาลไม่ใช่เหรอ?”
“เออเนอะ!”เจ้าตัวประกบมือเข้าหากันเหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมาสักอย่าง “เอ่อ...เย็นนี้พี่ไม่ได้นัดกับสาวที่ไหนไว้ใช่ป่ะ?”
“หืม…อืม ก็วันนี้มีงานเทศกาล เลยไม่ได้นัดเอาไว้ กะว่าจะไปหาเอาในงาน ทำไมงั้นเหรอ?”
“อ๋อ เปล่า ถามเฉยๆน่ะ...งั้นก็ฉันไปก่อนนะพี่ เจอกันตอนเย็น”
เจ้าตัวโบกมือบ๊ายบายก่อนจะยิ้มแล้วหันหลังเดินกลับหอพัก ราคะเองก็หันหลังเดินไปอีกทางเช่นกัน
.
.
.
________________________________________________________________

อีกพาร์ทเลื่อนลงอ่านได้เลยค่ะ ><'
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://urielh.exteen.com
Urielh

Urielh


Registered : 05/02/2010
Posts : 189

สถานะ : โช๊ะเช๊ะ! :D
Fame Gauge :
[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Right_bar_bleue


[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]   [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Icon_minitimeFri Feb 12, 2010 6:42 pm

ไม่เห็นสนุกเลยสักนิด!!!
อามิษระบายความอัดอั้นในใจเงียบๆ พลางนึกสงสัยว่ายูริเอลผู้ทิ้งตำแหน่งคิงเอาไว้ให้เธอและหนีไปเที่ยวเมืองนอกสบายใจเฉิบจะคาดคิดถึงรึเปล่าว่างานมันหนักหนาแค่ไหน?
หรือเจ้าตัวเป็นมาโซคิสม์...
ชอบเข้าไปได้ยังไงฟระ! ไอ้งานที่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรดีแบบนี้
หลังจากที่ต้องร่วมพิธีเปิดงานจนขาแข็งและกล่าวสุนทรพจน์(อีกครั้ง) ก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากเดินซื้อของกินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ
ช้อนปลาทอง...มันก็ไม่ต่างจากการทรมานสัตว์ เธอชอบสัตว์เลี้ยงนะ แต่ไม่ชอบเลี้ยงสัตว์
ปาเป้า...ถ้าเธอเล่นก็รังแต่จะถูกตราหน้าว่ามาเพื่อทำให้ร้านเจ๊งมากกว่า..ก็นะ เธอน่ะเซียนเกมส์ตัวยงเลยล่ะ ...
เจ้าตัวเดินเตร็ดเตร่มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำไปอีกฟากบริเวณหลังงาน คิดว่าจะข้ามฟากไปนั่งเล่นนอนเล่นอยู่แถวนั้นสักหน่อย หากแต่พบร่างของราคะที่ยืนล้วงกระเป๋าสูบบุหรี่อยู่
เจ้าตัวดึงบุหรี่ของอีกฝ่ายออกจากปากก่อนจะโยนลงน้ำ
“ไหนว่าจะหลีสาว”
“ว้า..วันนี้มีแต่พวกมีเจ้าของแล้วแฮะ ก็บอกแล้วไงว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษ ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ พี่ก็ไม่เอาหรอก”
พูดจบแล้วก็ยิ้มเผล่ อามิษหัวเราะหึๆ
“ฉันเองก็ไม่มีคู่ซะด้วยสิ ไปอีกฟากกันมั้ย? ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำแล้วนี่”
“ไปสิ”
ราคะตอบง่ายๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับมืออามิษเป็นบ่นพึมพำ
“หนาวชะมัด คืนนี้น่ะนะ”
“อือ ก็นี่ล่อซะช่วงกลางฤดูหนาวแล้วนี่นา เอาน่า ถ้าผ่านวาเลนไทน์ก็พ้นหน้าหนาวแล้ว”
“อยากให้รีบผ่านไปไวๆงั้นเหรอ? ฤดูหนาวน่ะ”
ราคะย้อนถาม อามิษเงยหน้ามองท้องฟ้าไปพลางเดินฝ่าท่ามกลางความมืดกับแสงสว่างจากโคมไฟเล็กๆไปพลาง
“อื้ม แหงล่ะ ก็เผ่าฉันไม่ชอบฤดูหนาวน่ะ ที่สูญพันธุ์กันทุกวันนี้ก็เพราะอ่อนแอช่วงฤดูหนาวนี่ล่ะ”
“แต่พี่ชอบฤดูหนาวนะ”
“หา? อะไรกัน พี่เป็นงูนะ”
“ฤดูหนาวมันเป็นฤดูที่เป็นนิรันดร์น่ะ”
ราคะตอบนิ่งๆ
“ถึงจะไม่เข้าใจ แต่จะพยายามละกันนะ คงจะยากหน่อยล่ะ สำหรับคนที่ชอบฤดูหนาวแต่อยู่ไม่ได้อย่างฉันน่ะ”
“ไหนเมื่อกี้บอกไม่ชอบ?”
“เปล่า ฉันบอกว่าเผ่าฉันไม่ชอบต่างหาก ฉันชอบนะ แต่ขอโทษเถอะค่ะ อยู่ไม่ได้เลย จะบ้าตาย หิมะฉันยังไม่เคยแตะด้วยซ้ำ”
“วาเลนไทน์นี้อยากลองจับดูมั้ยล่ะ?”
“หือ?” อามิษเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ได้เหรอๆ?”
“ได้”
“สัญญาแล้วนะ”
“อืม”
จบประโยค ราคะก็เลื่อนมือขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่อามิษจะว้ากลั่น “เดี๋ยวสิ!! ใส่ผ้าพันคออยู่นะ ถ้าขยี้ผมมันจะจัดทรงยาก รู้มั้ย!”
“ปรกติผมก็ยุ่งอยู่แล้ว”
“เขาเรียกปลายแหลมๆต่างหาก”
“พี่รึก็หลงนึกว่าเธอผมจะเป็นงู”
“ฉันไม่ใช่เมดูซ่านะ!!!”
อามิษตวาดแหวพลางหัวเราะไปด้วย ก่อนจะดึงตัวราคะให้นอนลงบนพื้นหญ้า
“แต่คืนนี้เห็นดาวชัดเนอะ”
“อืม”
“สวยดีๆ”
“วันนี้พูดมากเป็นพิเศษแฮะ”
“ปรกติก็พูดมากนี่นา”
“รู้ตัวด้วยเหรอ?”
“ฉันไม่หลงตัวเองแบบพี่นา…”
“หือ? พี่หลงตัวเองเรื่องอะไร”
“เห็นย้ำอยู่ทุกวันว่าหน้าตาดี”
“แล้วพี่หน้าตาไม่ดีเหรอ?”
“หล่อมาก”
“เอ้า ก็ถูกแล้วนี่”
ราคะหัวเราะหึๆ ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่เราเถอะ ร้ายไม่เบาเหมือนกันนี่ แต่งานเทศกาลกับหาคนควงไม่ได้งั้นเหรอ?”
“เปล่าหรอก รำคาญน่ะ ฉันล่ะจะบ้าตาย แค่งานเปิดพิธีก็แทบอยากหนีกลับโรงเรียนแล้ว”
“ไม่ชอบงั้นเหรอ?”
“ทรมานมากมาย ฉันยืนพูดเป็นนังบ้าอยู่ได้ตั้งนานสองนาน พูดไม่นานก็โดนขว้างค้อน พูดนานก็ง่วง”
“น่าสงสาร”
“งั้นพี่ยังสนใจอยากสลับตำแหน่งกันอยู่มั้ยล่ะ?”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“...เห็นมั้ยล่ะ”
อามิษหัวเราะลั่น ก่อนจะถามบ้าง
“แล้วว่าแต่พี่เถอะ ทำไมถึงหลีสาวไม่ได้สักคน?”
“ก็บอกแล้วไง เขามีเจ้าของกันหมดแล้ว ว้า~ ไม่เป็นไร เอาไว้วันธรรมดา โอกาสพี่ยังมีอีกเยอะ”
“หืมม...แล้วพี่มีเจ้าของรึยัง?”
“ครอบครัวน่ะเหรอ?”
“อื้ม เอาแบบที่ไม่ใช่พี่กิเลสพี่ตัณหาน่ะ”
ราคะล้วงรูปในกระเป๋าตังค์ส่งให้อีกฝ่าย
“รูปถ่าย?”
“คนที่ยืนอยู่ข้างพี่น่ะ”
“สวยจัง…แฟนพี่เหรอ?”
อามิษแหย่เล่น ราคะแค่นหัวเราะ
“ใช่ เป็นคนเงียบๆแล้วก็ไม่ค่อยพูดเลยล่ะ”
“แล้วตอนนี้ไปไหนแล้วล่ะ?”
“ยังอยู่ แต่พี่ไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ จะว่าไป..ก็คิดถึงลูกชะมัดเลยนะ....”
“เอ๋…มีลูกแล้วงั้นเหรอ?”
“อืม ทำไม? เสียใจงั้นเหรอ?”
ราคะแหย่พลางหัวเราะ อามิษที่ดูเหมือนจะกำลังเหม่อลอยไม่ได้สนใจฟังเท่าใดนัก
“ความจริงแล้ว...ฉันน่ะนะ....”
อามิษแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว หากแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังเพลินในการเล่าเรื่องของตนจึงไม่ได้สังเกตที่น้ำเสียงที่เบาของเจ้าตัว จึงพูดต่อ
“จะว่าไป…ตอนที่พี่ขอแต่งงานเธอน่ะนะ....”
คงต้องเป็นคนที่น่าสนใจมากๆเลยสินะ...ขนาดพี่ยังขอแต่งงานเลยแบบนี้น่ะ...
อามิษแค่นยิ้มเงียบๆก่อนจะถามต่อ “อื้ม ทำไมงั้นเหรอ?”
“เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับพี่ล่ะ”
“เห…”
“และเป็นครั้งสุดท้ายด้วย”
“ตายไปแล้วงั้นเหรอ?”
“ก็บอกว่ายังอยู่ไง แต่ที่ไม่พูดอีกเลยเพราะเธอเป็นคนพูดน้อย…มากๆ”
“อ๋อ อย่างนั้นเองเหรอ”
“เธอจะแช่งแฟนพี่เหรอ”
ราคะพูดก่อนจะขยี้หัวอีกฝ่ายจนกลับไปยุ่งตามเดิม
“บ้า! ทำไมฉันต้องแช่งด้วย”
“เอ้า! พูดเอาไว้เพื่อหึงอะไรแบบนั้น”
“ตลกละ”
“ฮ่าๆๆ นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้วมั้ง”
“ไม่ล่ะ..พี่ไปเถอะ ฉันยังอยากอยู่ต่ออีกแป๊บน่ะ เย็นดี”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่กลับแล้ว ราคะก็ลุกขึ้นก่อนจะถอดเสื้อนอกโยนให้อามิษแล้วหันหลังเดินไป
“รีบๆนอนนะ ฝันดี”
“พี่ก็ด้วย ฝันดีนะ”
นัยน์ตาสีเขียวแกมเหลืองมองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา..ก่อนจะกอดเสื้อนอนท่ามกลางความหนาวเหน็บตรงนั้น....
.
.
.
.
กริ๊งงงงงงง
เสียงออดหมดคาบเรียนทำให้อามิษค่อยๆบิดตัวขึ้นแล้วหาว ก่อนจะมองเนื้อหาบนกระดานผ่านๆแล้วถอนหายใจ
รอดตัวไปที่เราทำเป็นแล้ว...
ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้เฮียราคะล่ะนะ เพราะเจ้าตัวติวนู่นติวนี่ให้ตั้งเยอะเลยนี่นา
เธอนั่งรออยู่ที่โต๊ะ จนเวลาผ่านไปราวๆยี่สิบนาทีได้
อ้าว…ประหลาดจัง ปรกติตอนพักต้องมายืนรอหน้าห้องแล้วนี่นา...
“นี่เจ๊..เอ๊ย อาจารย์โลหิต วันนี้พี่ราคะไปไหนน่ะ?”
เจ้าตัวเดินไปถามโลหิต ผู้มีตำแหน่งเป็นอาจารย์ในโรงเรียนAYFS ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบกลับมา
“ไอ้ราคะ เอ๊ย! คุณนาคาน่ะเหรอ ดูเหมือนวันนี้จะขาดเรียนน่ะ”
โลหิตตอบ แต่อามิษสัมผัสได้ถึงการกัดฟันกรอดๆที่ต้องเรียกราคะว่า ‘คุณนาคา’
“อ๊ะ แล้วรู้รึเปล่าว่าอยู่ไหน?”
“เห็นว่าเป็นหวัด ไม่สบาย นอนตายเป็นซากงูอยู่ในห้องพยาบาลล่ะมั้ง”
“บ้าชะมัด..รู้ว่าหนาวจะถอดเสื้อให้ทำไมฟะ...”
อามิษบ่นงึมงำ โลหิตสำลักค่อกแค่ก
“ฮะ!!! ถอดเสื้อ!? เมื่อคืนพวกเธอทำอะไรกันวะ!!!”
“ไอ้เจ๊บ้า!!! ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย!!”
“อ้อ ก็พูดส่อ”
“เสื_ก ฉันแค่พึมพำเองต่างหาก”
“เธอกล้าด่าฉันแล้วเรอะเดี๋ยวนี้น่ะ ปีกกล้าขาแข็งเหรอหา!!!”
โลหิตว้ากเป็นเด็กๆ ก่อนที่อามิษจะเอามือปิดหูแล้วเดินออกไปห้องพยาบาล
.
.
.
แกร๊ก...
เสียงประตูไม้เปิดออกด้วยเสียงไม่ดังมากนักด้วยความเบามือของผู้เปิด อามิษเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบในห้องพยาบาล แอร์เย็นฉ่ำปะทะเข้ากับผิวกายทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย
อามิษหันซ้ายหันขวา ก่อนจะพบร่างของราคะที่นอนอยู่บนเตียง เจ้าตัวพยายามเดินให้มีเสียงน้อยที่สุดไปทางราคะแล้วเอามืออังหน้าผากเบาๆ
“โห..ตัวร้อน วันหลังถ้าหนาวไม่เป็นต้องทำเป็นเก่งเลย”
เจ้าตัวลากเสียงยาวก่อนจะนั่งเท้าคางมองดวงหน้าที่หลับสนิทเหมือนเด็กๆ ก่อนที่จะใช้มือยืดแก้มสองข้างไปมา
“ฮัลโหลๆๆ พี่ตื่นอยู่รึเปล่าน่ะ?”
“….”
“ไม่ตื่นแน่นะ?”
เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ (และถามแบบนี้มันก็ไม่ควรจะมี) เจ้าตัวจึงเดินไปหยิบผ้าเย็นแล้วแปะลงบนหน้าผากราคะที่ยังคงไม่รู้สึกตัว
เธอนั่งจ้องอยู่อีกสักพัก ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาแล้วบ่นพึมพำ
“ไปก่อนนะ แล้วจะมาแกล้งใหม่”
จบประโยคก็ก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆแล้วรีบเดินออกไปก่อนที่จะมีใครมาเห็น ยังไม่ทันที่มือจะได้เอื้อมจับลูกบิดประตูกลับมีเสียงแทรกขึ้นมาซะก่อน
“แค่หอมแก้มเองเร้อ....”
!!!!
บ้าชะมัด!!!!
ปึง!!!!
ประตูถูกกระแทกปิดในแทบจะทันทีทันใด ราคะได้ยินเสียงของฝีเท้าที่วิ่งสะเปะสะปะเพราะความเขินของเจ้าของ ก่อนจะหัวเราะตามเบาๆ
.
.
กุ๊กๆ กุ๊กกู~ กุ๊กๆ กุ๊กกู~
เสียงริงโทนประหลาดๆดังขึ้น ก่อนที่อามิษจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงลงไปเนือยๆ
“…ใครน่ะ?”
“ตอนบ่ายมาเยี่ยมพี่ถึงห้องเลยเหรอ”
“รู้ตัวนี่หว่า”
“มีคนฟ้องว่าแอบลวนลามพี่”
“บ้า!!! พี่ล่ะเป็นคนเห็นเอง”
“ยอมรับแล้วล่ะสิว่าลวนลาม”
“เปล่านะ!!!” เจ้าตัวแทบอยากตบปากตัวเองที่หลุดไต๋ไปง่ายๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“วันหลังเอาให้มากกว่านี้หน่อยก็ได้นา..”
“บ้า!!!”
“ใกล้วาเลนไทน์แล้ว อยากกินช็อคโกแลตจังเลย…”
“หือ?” อามิษชะงักก่อนจะเหลือบตามองปฎิทิน “เออเนอะ เดี๋ยวทำช็อคโกแลตให้เอามั้ย?”
“จะกินได้เร้อ...”
“ต้องได้สิ!!!”
“อื้ม จะซื้อยาแก้ท้องเสียรอ”
“เชอะ อร่อยแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน!!”
“ครับๆ พี่จะคอย"
"ต้องคอยชิมด้วย!!"
“โอเคๆ” ราคะตอบอย่างจำนนในเสียงทีดูดื้อรั้นราวเด็กเล็กๆของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดต่อ “ไหนๆก็ใกล้วาเลนไทน์แล้ว อามิษ พี่มีความจริงจะบอกเธอ”
“เอ…ฉันก็มีนะพี่ แต่เอาไว้ถ้าฉันผ่านฤดูหนาวไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะบอกพี่แน่ๆ”
“ฤดูหนาววันสุดท้ายก็วาเลนไทน์น่ะสิ?”
“ช่ายย เพราะฉะนั้น พี่ต้องมาให้ได้นะวาเลนไทน์น่ะ ห้ามนัดกับสาวที่ไหนนะ”
“คร้าบๆ”
“ว่าแต่ ความจริงที่ว่าน่ะอะไรงั้นเหรอ?”
“ความจริงแล้ว พี่น่ะนะ…พี่ชอ….”
“ถือสายรอสักครู่นะครับ มิษดูเหมือนจะไปล้างตัว”
เสียงปลายสายทำเอาราคะสะดุดกึก เพราะเป็นเสียงของชายหนุ่มซึ่งดูท่าว่าคงไม่ใช่ญาติโกโหติกาของอามิษแน่ๆ เจ้าตัวบ่นเสียงเบา
“อา..งั้นไม่เป็นไรครับ แค่นี้ละกัน บอกเจ้าตัวด้วยว่าแย่ชะมัด หนีไปไม่ฟังผู้ใหญ่ให้จบได้ยังไง”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ราคะกดตัดสายทันที ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก็เป็นซะอย่างนี้นี่ล่ะ..ร้ายชะมัด คุยกับเราไปทำเรื่องแบบนั้นไปงั้นเรอะ..เสียบรรยากาศจริงๆ
.
.
“อามิษ”
“หืม? ว่าไงคะ?”
“เมื่อกี้คนที่มิษคุยด้วยบอกว่าจะวางสายน่ะ แล้วก็บอกว่าไม่ฟังผู้ใหญ่ให้จบได้ยังไง”
“อ๋อ...”
ชิ...ว่าจะนัดสักหน่อยเชียว ไว้อีกสักพักค่อยโทรไปใหม่ก็ได้
“รุ่นพี่ที่โรงเรียนงั้นเหรอ?”
“อ๋อ ประมาณนั้นล่ะ”
“งั้นผมไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันใหม่”
“อื้มๆ บ๊ายบายๆ”
เจอกันใหม่เรอะ...กินไปครั้งนึง ฉันก็ไม่อยากกินต่อแล้วเฟ้ย!
คิดในใจ หากแต่ดวงหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
อามิษนอนกลิ้งเกลือกบนเตียงเล่น ก่อนจะหยิบมือถือมากดเบอร์ของอีกฝ่ายแล้วกดโทรหวังจะนัดในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับสาย เธอจึงกรอกเสียงลงไปทันที
“ฮาโหลลลล~ เฮียราคะ”
หากแต่เสียงที่กลับมากลับกลายเป็นเสียงครางของหญิงสาวและเสียงเอ่ยชื่อราคะเป็นระยะๆ ความรู้สึกหงุดหงิดปรี๊ดแล่นเข้ากลางหัวก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสายทิ้งโดนไม่สนใจเสียงเรียกของราคะในสาย
“เอาไว้นัดวันหลังก็ได้ ชิ !”

______________________________________________________________________

14 กุมภาพันธ์
วันวาเลนไทน์แล้วสินะ...
อามิษคิดในใจก่อนจะตัดชายริบบิ้นที่ยาวเกินจำเป็นออก แล้วลงมือผูกริบบิ้นสีแดงสดบนห่อช็อคโกแลต
“เท่านี้ก็เรียบร้อย!”
อ๊ะ! ยังไม่ได้นัดเลยนี่นา..ป่านนี้จะไปไหนแล้วนา..
อามิษคิดก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจิ้มๆข้อความอยู่สักพัก แล้วกดส่งออกทันทีหวังให้อีกฝ่ายอ่าน จะได้ไม่เป็นการเปลืองเวลาเท่าใดนัก

‘ฮาโหลลล ‘w’/ สวัสดีตอนเช้า
วันนี้เจอกันตอนหกโมงละกันนะ (คนน่าจะไม่เยอะมาก แฮ่ๆ~) ที่สวนสาธารณะนะ!
ฤดูหนาววันสุดท้ายตามที่ตกลงกันเอาไว้แล้วนะ ! แล้วเจอกัน ♥️


เจ้าตัวยิ้มบางๆก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือแนบริมฝีปากเบาๆ

อ๊ะ...หวา แอบตื่นเต้นแบบแปลกๆแฮะ

.
.
.
.
.
.

18.58 น.

ทำไมยังไม่มาอีกนะ...
เจ้าตัวหาวเล็กน้อยก่อนจะนั่งรอ ด้วยความที่เมื่อคืนนอนดึกเกินไปหน่อยจึงส่งผลให้เจ้าตัวงัวเงียสุดๆ
อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ…สมกับเป็นวันสุดท้ายแห่งฤดูหนาว
“แค่กๆ”
เจ้าตัวไอเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองฝ่ามือขาวซีดของตนที่เปรอะเปื้อนด้วยหยดเลือด
“ฤดูหนาวนี่มันอันตรายสำหรับฉันจริงๆน้า....”
พึมพำเบาๆ ก่อนจะสะดุดกึก เมื่อรับรู้ได้ถึงของมีคมเงินปลาบที่จออยู่ริมลำคอ
“ใช่…เพราะอันตรายสำหรับท่านไง พวกข้าจึงเลือกลงมือในยามนี้....”
“!!?”
อามิษเหลือบตามองด้านหลังก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นคู่อริเก่าในยามที่ยังคงตำแหน่งแอสโมดิวส์ยืนรวมตัวกันอยู่ด้านหลัง
“บทจะหมาก็หมาจริงๆ”
“ต่อให้เป็นหมา..ข้าก็ไม่สน ขอให้ได้แค่ฆ่าท่านซะ...ท่านอามิษ”
“ง่ายไปหน่อยไหม?”
อามิษย้อนถามขำๆ ก่อนจะใช้เล็บที่งอกยาวขึ้นเรื่อยๆตวัดปาดคอพวกปีศาจทีละตนด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาที่เธอผ่าน ราวกับสายลมพัด ปีศาจนับสิบตัวยืนนิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่ลำคอของพวกมันทั้งหมดจะมีเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาตามปากแผลและล้มลงจนเหลือปีศาจอยู่แค่ตัวเดียว
“ดูถูกกันนี่หว่า ขนพวกกันมาแค่ไม่กี่คนเนี่ย”
อามิษพูดพลางหัวเราะก่อนใช้รองเท้าเหยียบหน้าปีศาจตัวที่เหลือแล้วกระทืบซ้ำๆ
“อ..อึ่ก…ท่านเป็นถึงปีศาจชั้นสูง…แต่กลับ..ทำให้ตนแปดเปื้อนด้วยการ…เกลือกกลั้วกับ..เจ้าลูกครึ่งอสรพิษชั้นต่ำนั่น...ที่มีสายเลือดมนุษย์”
ฉัวะ!!!
“อ๊ากกกก!!!”
ในพริบตาที่อามิษคว้านลูกตาข้างซ้ายของปีศาจใต้เท้าของตนออกมา เป็นเวลาเดียวกับที่กระสุนจากอีกทิศทางยิงเข้ากลางหน้าผากของมัน
“อ๊ะ…เห?”
อามิษหันไปมองด้านหลังด้วยความฉงน ก่อนที่จะเปล่งเสียงในลำคอด้วยความเจ็บปวดเมื่อลูกกระสุนจากทิศทางเดียวกันยิงเข้าตรงข้อพับขาข้างขวาของเธอ
“อึ่ก!”
ท่ามกลางความมืด...ร่างในอาภรณ์สีดำค่อยๆก้าวเท้าเดินออกมาจากต้นไม้
“คุณคุ้นๆเหมือนเคยเจอกันที่ไหนนา…”
อามิษพูดก่อนที่จะใช้มือปิดปากแผลเอาไว้แน่น
ยัง...แค่นี้ทำอะไรมากไม่ได้หรอก ต้องรอ ต้องรอ..ต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้...
“ลูกชายของฉัน…มันเป็นเด็กดีรึเปล่า?”
“ฮะ?”
เจ้าตัวอุทานในลำคอ พลางทำสีหน้าฉงน
“คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“ก็แค่..มากำจัดสิ่งที่ทำให้ตัวหมากของฉันดูไร้ค่า ก็เท่านั้นเอง..”
“ตัวหมากไร้ค่า?”
“ลูกชายของฉันเองนั่นล่ะ…เจ้าเด็กนั่น”
“…?”
“เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ…เจ้านั่นน่ะนะ”
“น้ำเสียงของคุณมันบ่งบอกถึงความรักจริงๆให้ดิ้นตาย” อามิษตอบเนือยๆ “ขอโทษทีนะ แต่ฉันไม่รู้จักลูกชายของคุณหรอก”
“คนที่เธอกำลังปั่นหัวเล่นอยู่ไงล่ะ…”
“อันนั้นก็หลายคน ระบุมาหน่อยสิ ว่าชื่ออะไร”
“อืม…นั่นสินะ ถ้าจะพูดถึงเจ้านั่น…ต้องพูดว่าอะไรนะ….” เขาชะงักไปชั่วครู่ “คงจะเป็น..คนที่เธอรอแล้วรอเล่าแต่เขายังไม่มาล่ะมั้ง...”
“พี่ราคะ?”
“อ้อ นั่นล่ะ…”
“คุณคือ….”
“ฉันคือพ่อของเจ้าเด็กนั่น…”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ? แล้วคุณมาทำร้ายฉันทำไม?”
แม้คำพูดจะเป็นคำล้อเล่น หากแต่น้ำเสียงของอามิษกลับเย็นชาและเยือกเย็นราวกับเป็นคนละคน
“เป็นเด็กดีรึเปล่า..เจ้านั่นน่ะ”
“กวนประสาทมากเลยค่ะ ชอบแกล้งด้วย”
“งั้นเหรอ?” อีกฝ่ายหรือ ‘ไวเปอร์’ พูดอย่างแปลกใจ “น่าอิจฉานะ...”
“คุณประสาทรึเปล่า? อิจฉาที่ฉันโดนแกล้งเนี่ยนะ...”
“หมอนั่น…ไม่เคยกวนประสาทกับใครน่ะสิ”
“ปากแบบนั้นน่ะนะ?”
“ใช่…แล้วก็ไม่เคยที่จะหันหลังให้ฉันด้วย…”
“แล้วเขาหันหลังให้คุณตอนไหนมิทราบ”
“ตอนที่หันหลังไปเรียกสองฝาแฝดนั่น…แล้วอุ้มเธอออกไปไงล่ะ”
“ก็แค่หันหลังเอง คุณจะเอาอะไรนักหนา”
อามิษตอบอย่างรำคาญเล็กน้อย
“เพราะเจ้านั่น…ไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร”
“?”
“ต่อให้คู่ขาของมันกำลังจะตายต่อหน้าหรือถูกฉีกเป็นชิ้นๆ…แต่ถ้าฉันอยู่ต่อหน้ามัน มันไม่มีทางที่จะหันไปสนใจสิ่งอื่นนอกจากฉัน หรือเดินหันหลังไปง่ายๆแบบนั้น….”
“...แล้วเรื่องแค่นั้น มันทำให้คุณต้องยิงฉันเลยรึไงกัน”
“คนอย่างเธอ…ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
“แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ใช่คู่ขาของพี่ราคะด้วย เรียกให้มันดีๆหน่อยสิ เจ้านายน่ะเจ้านาย”
อามิษทำหน้าจริงจัง
“เจ้านั่น…ไม่เคยมีใครเป็นเจ้านาย ไม่เคยรับใครเป็นเจ้านาย”
“ไม่ๆๆๆ…ไม่ใช่แบบนั้น คำว่าลูกจ้างกับนายจ้างน่ะ”
“ก็ไม่เคยอีกล่ะ…หรือถ้าเคย ก็ไม่เคยที่จะให้ความสำคัญแบบนั้น”
“ถ้าฉันบอกว่าฟังแล้วรู้สึกดีใจ ฉันจะผิดมั้ย?”
“ไม่ผิด…เชิญดีใจไปให้พอ…ในฐานะวันสุดท้ายของเธอ”
“คุณจะฆ่าฉันรึไง?”
“แล้วคิดว่าฉันมาเพราะอะไรล่ะ…”
“เห็นชอบบอกว่าอะไรๆก็เป็นทางผ่าน”
“ก็ใช่…แต่วันนี้น่ะทางผ่านของจริง”
ไวเปอร์ตอบนิ่งๆก่อนจะเหลือบตามองเวลา
“เธอไร้สาระมากเลยล่ะ…น่าจะจบการพูดคุยได้แล้วนะ”
“ฉันจะดีใจมากกว่านี้ถ้าการจบการพูดคุยของคุณคือการล่าถอยไปดีๆ”
“เจ้านั่นน่ะ…มันคงยังมาไม่ถึงหรอก”
“!?”
“ตอนที่เธอส่งข้อความไป…แบตโทรศัพท์ของเจ้านั่นหมดพอดี…คิดว่าราวๆอีกไม่เกินยี่สิบนาทีคงจะมาถึง…”
“คุณนี่มันเหมือนสโต๊กเกอร์เลยนะ”
“หึ…”
“แต่แหม…อีกยี่สิบนาที เหลือเวลาอีกไม่ค่อยมากน่ะสิ ถ้าเจอง่ายๆก็คงหมดสนุกแย่…”
“หึ…” ไวเปอร์หัวเราะในลำคอ “เพราะเป็นแบบนี้เองสินะ เจ้านั่นถึงได้ติดใจหนักหนาน่ะ...”
“โอ้ ฟังแล้วภูมิใจจะผิดไหมเนี่ย?”
“เธอไร้สาระจริงๆนั่นล่ะ เอาเป็นว่าเลิกคุยกันแค่นี้ก็แล้วกัน แฮปปี้บลัดดี้วาเลนไทน์...”
ปัง!!!!!
ลูกกระสุนเงินเฉียดดวงหน้าของอามิษไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดด้วยความที่เจ้าไวพอจะเบี่ยงมันทัน
“เร็วใช้ได้…”
“ฉันยอมตายง่ายๆได้ซะที่ไหนล่ะ”
“ฉันจะกอดเธอ...สักครั้งก็แล้วกันนะ....”
“!!!!?”
เจ้าตัวที่กำลังงุนงงเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก ถูกอีกฝ่ายใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้หากแต่มิใช่ด้วยความรัก ก่อนที่ไวเปอร์ที่กัดลำคอของเธอจนมิดเขี้ยวแล้วถอนเขี้ยวออกและถอยหลังไปอีกทาง
“อย่าได้คิดจะถอนพิษเชียวล่ะ..ไม่อย่างนั้น ฉันจะเปลี่ยนจากการตัดสินใจฆ่าเธอเป็นฆ่าเจ้านั่นทิ้งแทน”
“โอ้โห บทจะฆ่ามันก็ง่ายจริงๆนะ”
อามิษกัดฟันประชด
“ฉันเป็นคนง่ายๆน่ะ”
จบประโยค ร่างของไวเปอร์ก็ค่อยๆเลือนไปในความมืด พร้อมกับร่างของอามิษที่ล้มลงกับพื้นที่เริ่มมีหิมะปกคลุมบางส่วน
และดอกกุหลาบสีดำ...ที่ตกอยู่ข้างตัว
เสียงเพลงแห่งฤดูหนาวแว่วมาอีกครั้ง..ด้วยทำนองที่แสนจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย..หากแต่แฝงด้วยความหดหู่หม่นหมอง

‘ถ้าฉันผ่านฤดูหนาวไปได้ ฉันจะบอกความจริงกับพี่นะ’

___________________________________________________________________
ที่เหลือตัดปี๊บค่ะ
___________________________________________________________________

TO BE CONTINUE ... [ตอนหน้าเป็นพาร์ทของMovivinนะคะ]

อีดิทติ๊ดๆ : ดูเหมือนจะยาวเกินไปรึเปล่า? ลงที่เดียวมันไปจบที่คำว่า 'คอ' /กร๊ากกก
ขออนุญาติเป็นแบ่งเป็นสองพาร์ทนะคะ =w=;

ขอบคุณมากที่เสียสละเวลาอ่านค่ะ มีอะไรติชมได้นะคะเพราะส่วนตัวไร้ฝีมือในการฟิค /orz'l|
ว่าแต่ ลองเดาๆกันดูเล่นๆได้นะคะว่ากี่หน้า ฮ่าๆๆ=w=;
ส่วน'แฟน'ของราคะเป็นใคร ถามคุโรนะคะ =w= แฮ่ๆ

PS..นิทานทุกเรื่องน่ะ..ไม่จำเป็นต้องจบด้วยความสุขเสมอไปหรอกนะ...
(ไม่ต้องทำมาพูดดีหรอก แกชอบแต่งฟิคเฟลก็บอกมาเถ๊อะ อย่ามาทำตัวซึนเดเร๊ะ !!!)

ขอบคุณที่อ่านนะคะ >< '
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://urielh.exteen.com
poizon

poizon


Registered : 04/02/2010
Posts : 35

สถานะ : แค่ก ๆ= =;;
Fame Gauge :
[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Right_bar_bleue


[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]   [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Icon_minitimeFri Feb 12, 2010 6:48 pm

....//อ่านจนตาลาย
มันเยอะได้อีกว่ะ...ยู ซึม

แหมๆ ราคะXอามิษนี่แอบน่ารักว่ะ แต่ถ้าอามิษเป็นผู้ชาย ฉันอาจจะดี๊ด๊ากว่านี้ก็ได้นะ//หัวเราะ ก่อนโดนถีบ
เอาเป็นว่า...

รูปเควสรอก่อนนะ ซึม2
ขึ้นไปข้างบน Go down
Urielh

Urielh


Registered : 05/02/2010
Posts : 189

สถานะ : โช๊ะเช๊ะ! :D
Fame Gauge :
[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Right_bar_bleue


[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]   [HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1] Icon_minitimeFri Feb 12, 2010 7:06 pm

ประวัติตัวละคร
*เอามาลงแยกกันแหกเหมือนเมื่อกี้ค่ะ..ล่อจัดหน้าใหม่ทั้งแถบเลย /orz*
**มีอะไรเพิ่มเติมจะมาอีดิทใส่นะคะ**
______________________________________________________________________________

อามิษ
ชื่อ - นามสกุลจริง : ไม่ปรากฎ
เผ่าพันธุ์ : อสรพิษ ดำรงอยู่ในตำแหน่งแอสโมดิวส์คือบาปแห่งตัณหาราคะ
ลักษณะ : ผมกึ่งสั้นประบ่าซอยแหลมๆสีหินหม่นๆ นัยน์ตาสีเหลืองแกมเขียวตามเผ่าพันธุ์อสรพิษทั่วไป ผิวสีซีด
ข้อมูลส่วนตัว : สูงราวๆ154 (จัดว่าเตี้ย) อายุราว15-16ได้ ไม่ถูกกับฤดูหนาวเท่าไหร่นัก ชอบใช้หน้าตาหลอกลวงผู้คน (?) เพศหญิงเหรอ? อ้อเหรอ? ... เธอเป็นไบนะ .... (จะหญิงก็ได้จะชายก็ไม่เกี่ยงนั่นเอง...)

ราคะ (ตัวละครบ้านMovivinฮะ..)
ชื่อ : นาคา นามสกุล : (ขอโทษค่ะ ... ลืม /orz'l|)
เผ่าพันธุ์ : จะว่ามนุษย์เต็มร้อยก็คงไม่ใช่..งูเต็มตัวก็ไม่ใช่อีกนั่นล่ะ...
ลักษณะ : ขออนุญาติแปะอิมเมจเป็นลิ้งค์นะคะ ^^'
ข้อมูลส่วนตัว : เป็นพวกชอบเดินทางไปรอบโลก ประวัติก็..ตามต้นเรื่องล่ะนะ (ฮา) นิสัยไม่ต่างจากอามิษเท่าไหร่เล้ยไอ้ตรงความเจ้าชู้น่ะ ... ส่วนสูงราวๆร้อยแปดสิบเกือบร้อยเก้าสิบได้ล่ะนะถ้าจำไม่ผิด
https://2img.net/h/i108.photobucket.com/albums/n8/movivin/Draw/Raka.jpg

ตัวละครอื่นๆ
**จิ้มที่ชื่อของแต่ละคนเพื่อดูรูปได้เลยค่ะ**
**CREDIT : รูปวาด BY MOVIVIN**

โรคา (โรคา พฤศจิกา)
แฟนของอาเจ๊หรืออาจารย์โลหิต แวะมาเป็นตัวประกอบที่ถูกเอ่ยถึงน่ะ (กร๊ากก) ในรูปยังอยู่ในวัยละอ่อนนะ ตอนนี้อายุราวยี่สิบต้นๆได้แล้วล่ะ (พอๆกับโลหิตนั่นล่ะ ...)

กิเลส - ตัณหา
กิเลส (จำชื่อจริงไม่ได้แฮะ..นาครินทร์รึเปล่านะ?) ส่วนตัณหาก็ 'ผณินทรา' (แปลว่านางพญางูฮะ)
ในรูปยังวัยละอ่อนอยู่ล่ะ ตอนนี้อายุประมาณยี่สิบได้แล้วนะรู้สึก

ยูริเอล (คุณคิงผู้ทิ้งงาน)
ยูผู้มีบทน้อยนิดในเรื่อง (บทฉันสู้โมวี่ไม่ได้ กร๊าซซซ!) ในรูปพี่ชาย(Kirayu)วาดให้นะคะ ^^'

โมวิวิน (เอโพธิ์ดำผู้โดดงาน)
ไอ้โมวี่ คุณโมวิวิผู้โดดงานนานๆครั้ง ซะที่ไหนล่ะ มันโดดจนเป็นกิจวัตรประจำวันเลย ในรูปวี่มีประวัติให้ครบเลยค่ะ อ่านดูได้

ไวเปอร์ (คุณพ่อผู้ลืมชื่อลูกตัวเอง)
(พึ่งนึกได้ว่าลืมใส่รูปเฮียไวเปอร์ /orz'l|) คุณพ่อผู้ลืมชื่อลูกตัวเองค่ะ มีการถามอามิษด้วยว่าต้องเรียกว่าอะไรนะ=_= วิเศษมาก ...

**มีอะไรเพิ่มเติมจะมาใส่ให้นะคะ**
PS.แปะโป้งเจ๊โลหิตฮะ รูปหายไปแล้ววว /orz'l|
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://urielh.exteen.com
 
[HP.VALENTINE] SNOW REVERSE [UPDATE PART 1]
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Part Angel -{Old-Project}-
» [นิยาย] เรื่อง สายฟ้าแห่งร้านหนังสือ (UPDATE 16/04/53]
» W.B. ท่านปลาเก๋ากำลังมองเราอยู่นะ Update[3/6/11]
» Maki ' Gal [Update : 19/10/10]
» ห้องไหดองลับแล's Kas [Update 19/05/11]

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
NAMELESS! :: สถานที่สำคัญในเมือง :: ลำนำแห่งห้วงธาราเซเรน-
ไปที่: