WARN:
ฟิคนี้มีนี้เนื้อหาส่อไปทางBOY LOVE ซึ่งน่าจะรู้ๆกันอยู่แล้วนะคะ ใครรับไม่ได้กรุณากดปิดนะเจ้าคะ
ปล.แต่งฟิควายได้ใช่มั้ยเออ ไม่ห้ามกันใช่มั้ยเออ แฮ่กๆ
แพนิก กลัวไม่ให้แต่งแนวนี้กัน
หมายเห็ด: ฟิคนี้แบบว่าแต่งนานแล้ว หาที่ลงไม่ได้น่ะเจ้าค่ะ
เอาล่ะ ไปเริ่มกันเลย
[SHOT-Fiction] "ฝน" by Wizelf
ซ่า...ซ่า...
เสียงอะไรน่ะ...
อืมม...
ฝนงั้นหรอ...
อา.......ใช่สินะ
ฝนตกอีกแล้วสิ...
ผมคิดกับตัวเองขณะที่ค่อยๆลืมตา
เพดานสีขาวสะอาด... กลิ่นที่เหมือนกับยาฆ่าเชื้อ...
และความรู้ที่แปลกๆจากสายน้ำเกลือที่เจาะจากมือซ้าย
เมื่อไหร่จะได้ออกไปซะทีน้า...ไอ้โรงพยาบาลนี่
เมฆสีออกเทาหม่นๆ กับเสียงฝนที่ตกไม่มีทีท่าว่าหยุด
มองออกไปนอกหน้าต่างกี่ทีๆก็หดหู่ชะมัดเลย
ชั่วชีวิตสั้นๆจะมีอะไรดีๆเข้ามาในชีวิตผมอีกไหมนะ..
ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตกใจเล็กน้อยจึงหันไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ..”
“เข้าไปล่ะน้า !!” ว่าแล้วก็เปิดประตูเข้ามา อะไรกัน ยังไม่ทันอนุญาตเลยนะ
“อ้าว นายนี่เอง นึกว่าใครซะอีก” ผมพูดเบาๆแล้วมองตาม “เขา” ที่เดินเข้ามาหายิ้มๆ พร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวในมือ
“ฉันมาเวลาเดิมทุกวันบ่อยขนาดนี้ จำไม่ได้หรือไงเล่า !” เขาจัดดอกไม้ใส่แจกันข้างๆเตียง แล้วใช้มือใหญ่ๆนั่นขยี้หัวผมเบาๆ
“อืม ไว้วันหลังจะจำให้ได้ก็แล้วกัน” ผมพูดตัดปัญหา
ฝนตกแบบนี้ ไม่อยากแม้แต่จะยิ้มเลย
เพราะอะไรน่ะหรอ....
ผมเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะฝนบ้านี่ไงล่ะ
“อย่าทำหน้าเครียดสิ ฉันมาเยี่ยมทุกวันไม่ดีใจหรือไงหืม?”
ดีใจสิ ดีใจมากๆ เพราะอย่างน้อยผมก็รู้.. ว่ายังมีคนๆนึงที่ยังรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่
ถึงแม้ว่า...
ถึงแม้ว่าตัวตนของผมจะคงอยู่อีกได้ไม่นานก็เถอะ
“ดีใจสิ ขอบคุณมาก” ผมยิ้มบางๆให้เขา
มือใหญ่ๆและอบอุ่นคู่เดิมลูบหัวผมเบาๆสองสามที
ผมเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าเหมือนเคย
เขาจะเห็นหรือเปล่านะ
ว่าแล้วก็หันไปทางอื่นดีกว่า
“เอ้า หน้าแดงๆนะ ไข้ขึ้นหรือเปล่า หันมาทางนี้หน่อยสิ ขอฉันดูหน่อย” ไม่ทันขาดคำผมก็ถูกดึงให้หันกลับไปทางเดิม
หน้าผากของเขาชนกับหน้าผากของผม
ให้ตายสิ....
ผมตกใจ ตาเบิกกว้าง
หน้าผมมันร้อนวูบวาบมากกว่าเดิม
ทำอะไรน่ะ ทำอะไรของนายเนี่ย...
“อะ เอ่อ...” โวยวายในหัวได้ขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ได้แค่อ้ำอึ้ง
“หือ ก็ไม่มีไข้นี่นา อย่าทำให้ตกใจสิปัดโถ่” เขาพูดแล้วละออกไป ไม่วายขยี้หัวผมเบาๆอีกครั้ง
ใครกันแน่ที่ทำให้ตกใจ บ้าจริงๆเลย
“อย่าขยี้บ่อยนักสิ ถึงจะนอนทั้งวันแต่ฉันก็ไม่อยากให้ผมยุ่งหรอกนะ” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง
“คร้าบผม นายพูดว่านอนทั้งวันคงเบื่อ ไปบนดาดฟ้าหน่อยมั้ย?” เขาถาม
ไปดาดฟ้า... แต่ตอนนี้ฝนตกนะ ไม่เห็นอยากจะไปเลย
“ทั้งๆที่ฝนตกเนี่ยน่ะเหรอ” ผมก้มหน้าลง เขาจะรู้ไหมนะว่าทำไมผมไม่อยากไป
“อยู่ในร่มก็ได้นี่ ฝนตกอากาศดีออก หรือว่านายไม่ชอบฝน?”
ไม่ชอบน่ะสิ เกลียดมากเลย ถ้าผมบอกไปเขาจะคิดว่าผมไม่ชอบเขาด้วยหรือเปล่านะ
“อืม ก็ไม่ค่อยชอบหรอก มันเปียก แฉะ แล้วก็เศร้า..”
“เห.. คนส่วนมากคิดแบบนี้กันหมดเลยน้า .. ฉันล่ะสงสารเจ้าฝนนี่จริงๆ รู้หรือเปล่าว่าฉันชอบฝนมากๆ ถึงแม้บางทีมันจะมีอารมณ์รุนแรงไปหน่อยก็เถอะนะ ฮ่ะๆ”
เขาพูดพลางยิ้มและหัวเราะไปด้วย
ตั้งแต่คบกันมาผมไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเศร้าเลยซักครั้ง
หรือจะเป็นแค่เวลาที่อยู่กับผมนะ?...
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ อืม… ผมก็ไม่อยากเห็นเขาเศร้าหรอก…. คนๆนี้เหมาะกับรอยยิ้มและดวงตะวันมากกว่า
“อารมณ์รุนแรงเหรอ?”
หมายถึงเวลามีพายุหนักๆหรือเปล่านะ?
“ก็เวลามีพายุ ฟ้าผ่า อะไรเทือกๆนี้ไงล่ะ”
อืม.. งี้นี่เอง เข้าใจใช้คำพูดในแบบของตัวเองจริงๆเลยนะ
“แล้ว... ทำไมนายถึงชอบฝนล่ะ”
คิดถูกหรือเปล่านะที่ถามออกไป
คงไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง
“ฝนน่ะ มันไม่ได้มีแต่ด้านแย่ๆหรอกนะ เวลาฝนตกน่ะ เย็นสบายจะตาย… อีกอย่างพอมันหยุดตก อากาศสดชื่นอย่าบอกใครเชียวล่ะ ว่าไหม? ฮ่ะๆๆ”
เขายิ้มอีกแล้ว
ยิ้มในแบบที่ว่า ผมเองก็อยากรู้สึกมีความสุขไปกับเขาด้วย
“อืม นั่นสินะ” ในที่สุดผมก็ยิ้มออกมา ถึงจะเป็นยิ้มบางๆก็เถอะ
“นายยิ้มแล้วก็ค่อยยังชั่ว จะบอกให้นะ ชีวิตคนเราก็เหมือนตอนฝนตกกับไม่ตกนั่นล่ะ ตอนฝนไม่ตกก็คือฟ้าสว่าง ตอนมันตกก็คือทุกข์ระทม แต่ว่านะ หลังฝนตกแล้วอะไรๆมันก็สดชื่นไปหมด นั่นก็หมายความว่าท้ายสุดแล้วก็จะจบอย่างมีความสุขน่ะสิ ! อ๊ะ.. แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะจบอย่างมีความสุขเสมอไปหรอกนะ.. เอ่อ แต่ว่านายน่ะ อืม ยังไงดี เอาเป็นว่าตราบใดที่นายยังมีฉัน ซักวันนายต้องเจอความสุขนั่นแน่ๆ.. อ่า ประมาณนี้แหละนะ ฮ่าๆๆ”
เขาพูดรัวๆแล้วหัวเราะเก้อๆ
ผมถึงกับอึ้ง
นี่เขา…. เป็นห่วงผมหรือเปล่านะ… ต้องใช่แน่ๆเลย
แต่ยังไงก็ไม่อยากคิดไปเอง
แต่ก็ดีใจแฮะ
อืม ขอบคุณจริงๆ
“อะไรกันน่ะ พูดอย่างกับฉันเป็นคนเบื่อโลกสุดๆเลยนะนั่น ! ฮ่ะๆๆ”
“ก็นายดูซึมๆนี่ ฝนตกทีไรนายก็ซึมทุกที ชอบทำให้เป็นห่วงเรื่อยเลยน้า” เขาถอนหายใจแล้วนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ
เอ๊ะ เมื่อกี้พูดว่าเป็นห่วงงั้นหรอ
ดีใจกว่าเดิมอีกล่ะ
หน้าเริ่มร้อนวูบวาบอีกแล้ว อย่าเห็นเลยนะ ผมอายสุดๆ..
“โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วงบ่อยๆ เอ่อแล้วก็ ขอบคุณมาก” ผมพูดเบาๆแล้วก็ก้มหน้า เขาจะทำหน้ายังไงนะ อยากเงยขึ้นไปมองแต่ก็รู้สึกอายเล็กๆแฮะ
“ฮะๆ เด็กดีจังนะนายนี่ เอาล่ะ ฝนเริ่มซาแล้ว ขึ้นไปบนดาดฟ้ากันเถอะ” เขาพูดแล้วลุกขึ้นโดยไม่รอผมตอบซักคำ
ครืดๆ...
เก้าอี้เข็นที่เขาเลื่อนมาให้ถูกเคลื่อนที่มาข้างๆเตียงผม
“จะไม่รอฉันตอบเลยหรือไงน่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะไปเบาๆ
“ฉันมั่นใจว่านายจะตกลงน่ะสิ เอ้าค่อยๆลุกนะ” เขาพูดแล้วพยุงผมขึ้น
อืม.. เป็นแบบนี้แล้วเหมือนโดนโอบเลยแฮะ
รู้สึกเป็นสุขเล็กๆอีกแล้วสิ
“นายนี่นะ” ผมพูดแล้วก็เงียบไป จนนั่งบนรถเข็นได้
“ทำไมฉันทำไมหรอ?”
ดูถามเข้า นี่ไม่รู้ตัวสินะเนี่ย…
อา.. ไม่รู้ก็ดีแล้ว ถ้ารู้ผมสิเป็นฝ่ายแย่…..
“เปล่าหรอก รีบๆเข็นหน่อยสิ อยากเห็นท้องฟ้าจะแย่แล้ว”
“คร้าบๆคุณชาย ไหนเมื่อกี้ตอนฝนตกหนักๆยังไม่อยากมาอยู่เลยนี่ ฮะๆ” เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกนิด อ๋า กลัวสายน้ำเกลือหลุดจังเลยแฮะ
“เมื่อกี้ก็ส่วนเมื่อกี้ ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้สิ” ผมตอบกลับแบบขอไปที
“ชักจะกวนนะนายนี่”
เขาพูดแค่นั้น ผมหัวเราะเบาๆ
แล้วพวกเราก็เงียบ
เขาอุ้มผมขึ้นบรรไดเพื่อตรงไปยังดาดฟ้าของโรงพยาบาล
โชคดีจังที่อยู่ชั้นบนสุด
เพราะผมโดนอุ้มขึ้นบรรไดแค่ไม่นาน ใครมาเห็นล่ะอายตายเลย ผู้ชายอุ้มผู้ชายด้วยกัน
อ๊ะ
รู้สึกว่าหน้าชักจะร้อนวูบวาบอีกแล้วแฮะ..
แต่ก็มีความสุขแหละ
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าโชคดีจังที่ขาไม่มีแรง
กลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆโชยออกมา
เฮ้อ อะไรกันเนี่ย..
ใจเต้นรัวเป็นกลองเลย หวังว่าเขาคงไม่ได้ยินนะ
จะมีแต่ผมที่เป็นแบบนี้อยู่คนเดียวไหมนะ…
“ฮึดโช๊ะ !!” จู่ๆเขาก็ร้องเสียงแปลกๆออกมา
ตลกจังนะ ฮ่ะๆๆ
“ถึงแล้วคร้าบบบบ” เขาเปิดประตูออกไป แล้วตะโกนเหมือนคนที่เพิ่งพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้
สายลมเย็นสบายพัดผ่านไปวูบใหญ่ๆ
อา.. สดชื่นจัง
“นี่ ไม่หนักหรอ” ผมถาม แล้วมองหน้าคนที่กางเก้าอี้เข็นออกอย่างทุลักทุเลพร้อมกับแบกผมไปด้วยแขนใหญ่ๆข้างเดียว
“หือ นิดหน่อย นายตัวเบายังกับ.. อืม.. ยังกับหัวกะหล่ำ ฮ่าๆๆๆ เอ้านั่งซะ” ผมนั่งลงบนเก้าอี้เข็น
อะไรกันน่ะ เปรียบผมเป็นหัวกระหล่ำเนี่ยนะ เจ้าบ้าเอ้ย
“เปรียบฉันเป็นหัวกะหล่ำเนี่ยนะ เชื่อนายเลยให้ตายสิ ฮ่ะๆๆ”
“เอาเถอะน่าๆ อืม.... ว่าแต่เป็นไง อากาศสดชื่นดีใช่มั้ย” เขาเท้าแขนกับระเบียงดาดฟ้าแล้วหันมามองผม
“อืม ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดน่ะ”
คงเพราะมีนายอยู่ด้วยมากกว่า
“เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้ว ! วันหลังจะพามาบ่อยๆนะ... แล้วก็....เอ่อ..” เขาพูดแล้วเงียบไปซักพัก
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอ?” ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินเข้ามาใกล้ๆผม
“ฉันมีอะไรจะให้ อย่าหันหน้าหนีไปไหนนะ”
เอ๋ จะให้อะไรหรอ ไม่เห็นนายถืออะไรขึ้นมาเลยนี่
“ก่อนจะให้ ฉันจะบอกว่า…. ถ้านายกำลังอยู่ในเวลาที่ฝนตก ฉันคนนี้ จะเป็นดวงอาทิตย์ให้นายเอง เพราะฉะนั้น วันหลังก็อย่าทำหน้าเศร้าๆแบบวันนี้อีกนะ ฉันไม่สบายใจเลยให้ตายสิ…” เขาถอนหายใจแล้วหันมามองผมอีกครั้ง
“ขอบคุณมากนะ” ผมยิ้ม… ยิ้มกว้าง ขอบคุณจากใจจริงๆ
เขายิ้มบางๆให้ผม
แล้วก็ทำท่าสูดลมหายใจลึกๆจึงค่อยผ่อนออกมา
จากนั้นก็จ้องผมด้วยสายตาเหมือนมุ่งมั่น
หน้าแดงเล็กๆด้วยแน่ะ..
หืม?
ทำอะไรของนายน่ะ?
เอ๊ะ ก้มหน้าลงมาทำไมกัน
นี่.. ใกล้ไปแล้วนะเจ้าบ้าเอ้ย
“อ๊ะ..”
เสียงของผมขาดตอนไปแค่นั้น...
จบจ๊ะ