NAMELESS!
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.



 
บ้านLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 [Short fic] Cupid dart (yaoi)

Go down 
2 posters
ผู้ตั้งข้อความ
Maya

Maya


Registered : 16/04/2011
Posts : 31

Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue

พรรค<br> : [Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty

[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSat Apr 16, 2011 7:40 pm

Cupid Dart

ดลไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะได้มีโอกาสมาต่างประเทศเลยสักครั้งด้วยภาษาอังกฤษที่แค่งู ๆ ปลา ๆ กับท่าทางที่ถูกวิจารณ์มาแบบรักษาน้ำใจว่าดูมองโลกในแง่ดีหรือในแบบที่ปลาเพื่อนสนิทเคยแปลออกมาโดยไม่คิดเงินว่า

‘แทบจะแปะป้ายกลางหน้าผากว่าผมหลอกง่ายครับ!’

ที่ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศอังกฤษเมืองผู้ดีนี้ได้ก็เพราะว่าผู้เป็นน้าได้ข่าวว่ามาดามโรสที่เป็นเจ้าของบ้านพักที่เคยอยู่คิดจะขายเธอจึงเดินทางมาเพื่อตกลงทำสัญญา ด้วยความที่ที่บ้านไม่อยากให้หญิงสาวเดินทางมาคนเดียวแต่ไม่มีใครว่างเลยโชคดีจึงตกกับดลนักศึกษาคนเดียวในบ้านที่เพิ่งปิดเทอมพอดี

“อ๊ะ! นั่นไงดลกระเป๋าพวกเรา” เสียงฝนน้าสาวคนสวยเรียกสติที่เริ่มหลุดลอยเพราะตื่นคนของดลให้กลับมายังสายพานที่มีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แล่นผ่านหน้าไป

ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของน้าสาวก่อนแต่ก็แทบจะโดนลากตามสายพานไปด้วยถ้าไม่มีมือของใครบางคนเข้ามาช่วยยกลงมาเสียก่อน

“ขอบคุณครับ เอ่อ Thanks” ดลหันไปส่งยิ้มขอบคุณจนตาหยีแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีผมสีน้ำตาลเข้มและนัยน์ตาสีควันบุหรี่ก็รีบเปลี่ยนเป็นภาษาสากลทันที

ในชั่วพริบตาที่สัมผัสกันทั้งสองรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ กระแสไฟฟ้าวูบวาบอ่อน ๆ แล่นผ่าน เหมือนมีบางอย่างดึงดูดไม่ให้เขาละสายตาจากนัยน์ตาสีเทาคู่นี้ได้

“ดลด๊ล มาช่วยน้าเอากระเป๋าเราลงก่อน!” ฝนตะโกนเรียกหลานชายขณะพยายามลากกระเป๋าสีฟ้าใบย่อมของอีกฝ่ายแต่ดูหนักเกินขาดลงมา

“โอ๊ะ! Thank you” หญิงสาวหันไปกล่าวขอบคุณให้ผู้ใจดีอีกหนึ่งคนที่มาช่วยไว้ก่อนจะชะงักกึกเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าที่มีแว่นกันแดดสีดำขอบเงินของคนตรงหน้าดูคุ้น ๆ ชอบกล

“Your welcome, rainy” ชายหนุ่มผมดำใบหน้าเอเชียยิ้มตอบแล้วถอดแว่นกันแดดเสียบกระเป๋าเสื้อเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านเป็นมิตรคนหนึ่ง

“เจค!” ฝนแทบกรี๊ดออกมาเมื่อได้เจอเพื่อนร่วมบ้านชาวสิงคโปร์ที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ

ชายหนุ่มหัวเราะ กอดเพื่อนด้วยกิริยาสุภาพก่อนที่เขาจะเรียกร่างสูงที่มาช่วยดลยกกระเป๋าตะกี้ให้มาทำความรู้จักกัน

“นี่เพื่อนผมชื่อเควิน” เจคแนะนำตัวเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งสองจับมือทักทายตามแบบสากล

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะเควิน ฉันฝนหรือจะเรียกว่าเรนนี่แบบเจคก็ได้ ดล ๆ มานี่เร้ว” ประโยคหลังเธอหันไปเรียกหลานชายที่ยืนเอ๋ออยู่เป็นภาษาไทย “นี่ดลหลานชายฉันเองค่ะ ดลนี่เจคเพื่อนของน้าสมัย
เรียน”

“เอ่อ สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มเผลอตัวยกมือไหว้ตามแบบไทยเมื่อทราบว่าคนทั้งคู่อาวุโสกว่า ทำเอามือที่กำลังจะยกขึ้นของเจคชะงักกึก

“ดลจับมือไม่ใช่ไหว้” ฝนกระซิบบอกหลานชายเบา ๆ เท่านั้นเองเขาจึงนึกขึ้นได้รีบเอื้อมมือไปคว้ามือของเจคกลับมาเขย่าเต็มแรงแทนพร้อมกับหันไปส่งยิ้มจับมือกับเควินต่อ

“เจคมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” หญิงสาวถามเพื่อน

“ผมมาเรื่องที่บ้านของมาดามโรสน่ะ”

“ว่าไงนะ?!” เธออุทาน “อย่าบอกนะว่าเจคจะมาซื้อบ้านหลังนั้น!”

“เรนนี่ก็ด้วย?” ชายหนุ่มอึ้งไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยเรื่องเดียวกันแบบนี้

ระหว่างที่สองเพื่อนเก่ากำลังพูดคุยกันก็ยังมีคนสองคนที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เควินนั้นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะที่ดลกลับรู้สึกว่ามือไม้ดูเกะกะเก้งก้างไปเสียหมดเมื่อมีสายตาสีเทาคู่นี้เหลือบมองเป็นระยะ ๆ

“เอ่อ คุณมาจากที่ไหนเหรอ?” ดลตัดสินใจชวนคุยแก้เขินด้วยประโยคพื้นฐาน

“อเมริกา” เควินตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “คุณล่ะ?”

“ประเทศไทย” ดลอดจะยิ้มตามไม่ได้ แต่ทว่ารอยยิ้มไม่ช่วยอะไรในการต่อบทสนทนาเมื่อทั้งคู่กลับมาเงียบอีกครั้งเนื่องจากเควินก็ไม่เคยมาที่ไทยและไม่รู้จักด้วยส่วนดลถึงจะรู้จักอเมริกาแต่ก็ไม่เคยไป
และไม่กล้าคุยต่อเพราะไม่รู้จะคุยอะไร

“ประเทศไทยอยู่ที่ไหน?” หนุ่มอเมริกันถามต่อเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูจะยังคุยไม่จบ

“หา เอ่อ อะไรนะครับ” ดลหน้าซีดเพราะเมื่อครู่เขาไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไรมาแต่เมื่อเควินทวนคำถามซ้ำอีกครั้งเขาก็พยักหน้าเข้าใจและอธิบายแบบง่าย ๆ ว่าอยู่ใต้จีน

“เอ่อ น้าฝนครับผมว่าพวกเราย้ายที่ก่อนดีกว่าไหมครับคนอื่นจะได้เข้ามาเอากระเป๋าสะดวก” ชายหนุ่มเดินไปกระซิบบอกน้าสาวเบา ๆ อย่างเกรงใจ

“นั่นสิ น้าลืมคิดไปเลย” ฝนอุทานก่อนจะชวนเจคให้เปลี่ยนที่ สุดท้ายทั้งสี่ก็มาจบลงที่ร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่ง “พวกนายจะพักที่ไหนกันน่ะเจค?” เธอถาม

ดลนั่งมองน้าสาวตักวิปครีมเข้าปากด้วยความอยาก บนโต๊ะมีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้สั่งกาแฟดื่ม สองหนุ่มเลือกสั่งเอสเปรสโซ่ทั้งคู่ขณะที่ฝนเลือกลาเต้เพิ่มวิปครีมอย่างที่ชอบ ตัวดลเองจริง ๆ ก็ชอบทานเจ้าครีมเนื้อขาวเหมือนกันแต่เพราะต้องการเก็บเงินไว้ใช้จ่ายให้คุ้มค่าที่สุดด้วยไม่ต้องการรบกวนเงินของฝนที่ทำงานแล้วจึงพยายามประหยัดเต็มที่

“ยังไม่ได้จองโรงแรมเลย คิดว่าจะหาโรงแรมแถวนั้นพักเอาน่ะ” ชายหนุ่มตอบ

“ฉันกะจะพักที่บ้านมาดามโรสนะ เมลมาถามมาดามแล้วนะเธอตอบตกลงพวกนายจะมาด้วยกันก็ได้” ฝนชวนเพื่อน ถึงแม้เรื่องธุรกิจจะยังตกลงกันไม่ได้แต่ทว่ายังไงก็คือเพื่อน

หนุ่มสิงคโปร์หันไปปรึกษากับเพื่อนก่อนจะหันมาพยักหน้า “ตกลง”


เควินมองคนตรงหน้าที่สายตากำลังจับจ้องไปยังถ้วยกาแฟของหญิงสาวตาปรอย ท่าทางดลจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองแสดงออกชัดแค่ไหนว่าอยากกินจนรับรู้ได้ชัดเจน

กิริยากลืนน้ำลายเมื่อฝนตักวิปครีมเข้าปากทำให้เขาเกือบหลุดขำ

...น่ารักดี...ชายหนุ่มคิดในใจ เสหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเพื่อไม่ให้ใครรู้

“ดลอายุเท่าไหร่เหรอ?” เจคหันไปถามชายหนุ่มอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“ยี่สิบครับ”

“หน้าเด็กอีกคนแล้ว เรนนี่เองก็ยังดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสาม โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อมือของฝนข้ามฟากมาหนีบเข้าที่ขา

“บอกกี่ครั้งแล้วยะว่าห้ามเผยแพร่อายุสุภาพสตรี!” เธอค้อนขวับ

เจคร้องอูย ลูบที่ขาเบา ๆ เคราะห์ร้ายที่วันนี้เขาใส่กางเกงผ้ามาทำให้อีกฝ่ายหยิกได้ง่ายขึ้นไปอีก เควินก็นั่งหัวเราะหึ ๆ ไม่ช่วยอะไรเลยอีกต่างหากส่วนดลก็นั่งยิ้มอย่างเดียว

หนุ่มไทยอมยิ้มเมื่อเห็นภาพการหยอกล้อกันของน้าและเพื่อน ถึงจะยังจับใจความไม่ค่อยทันแต่ก็พอรู้ว่าเจคคงจะพูดถึงเรื่องอายุของฝนเป็นแน่

หลังจากจิบกาแฟกันจนหมดแก้วทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนโบกแท็กซี่ไปยังบ้านของมาดามโรส ภาพ
บ้านสีขาวขนาดสี่ชั้นอยู่ท่ามกลางดงไม้สีเขียว มีเถาดอกไม้สีชมพูสีม่วงดอกเล็ก ๆ ขึ้นแซมจนราวกับภาพวาด

“สวยจัง” ดลครางเป็นภาษาไทยแต่กระนั้นกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมก็ชัดเจนในความรู้สึกของเควินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จนอดจะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้

“เพราะสวยอย่างนี้นี่เองนายถึงอยากได้มันนัก” เควินหันไปกล่าวกับเพื่อน

“ใช่ ทั้งฉันและเรนนี่...” เจคพึมพำ รู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้พอควร

“มาดามโรส!” หญิงสาวสวมกอดหญิงชรารูปร่างอวบท่าทางใจดีคนหนึ่งที่เปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง

“เรนนี่! อ้าวเจคมาด้วยหรือ” โรสกอดหญิงสาวชาวไทยด้วยความรักก่อนจะทักทายร่างสูงด้านหลัง เธอส่งยิ้มอบอุ่นเผื่อแผ่ไปยังผู้มาเยือนอีกสองคนที่เธอยังไม่รู้จัก

“แล้วนี่ใครกันจ๊ะเนี่ย”

“นี่ดลหลานชายของเรนนี่ค่ะมาดาม ส่วนนั่นเควินเป็นเพื่อนของเจคค่ะ บังเอิญพวกเราเจอกันที่สนามบินพอดี” หญิงสาวอธิบาย

“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ มา ๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆเอาของไปเก็บแล้วลงมานั่งทานน้ำชากันดีกว่า ฉันอบคุกกี้ข้าวโอ้ตไว้ให้ด้วยรับรองว่ามีพอแน่ ๆ” โรสเดินนำเข้าบ้านด้วยท่าทางแข็งขัน “เรื่องห้องไม่ต้องห่วงฉันทำความสะอาดตลอดเพียงแต่ว่าหนุ่ม ๆ ต้องใส่ผ้าปูที่นอนเองนะจ๊ะเพราะเผอิญฉันเตรียมไว้ให้แค่เรนนี่กับดลเพราะไม่รู้ว่าพวกเธอจะมาด้วย”

เจคและเควินตอบอย่างสุภาพว่าไม่เป็นไรแล้วกล่าวขอบคุณหญิงอังกฤษ

“คุกกี้ของมาดามอร่อยอย่างนี้เลยดล รับรองว่าติดใจขอเบิ้ลแน่ ๆ” ฝนชูนิ้วโป้งให้หลานชาย

“น้ำหนักของน้าฝนเลยเพิ่มหลังกลับจากอังกฤษเพราะงี้สินะครับ” เขาแซวก่อนจะวิ่งหลบฝ่ามือของอีกฝ่ายที่จะตบลงมาพร้อมเสียงร้องว่าปากเสีย! ดังลั่น

ทางด้านสองหนุ่มที่ไม่รู้ภาษาไทยก็ได้แต่มองภาพน้าหลานวิ่งไล่กันที่สวนราวกับเด็ก ๆ ด้วยความขบขัน

“นี่คือเรนนี่คนนั้นของนายสินะเจค?” เควินหันไปถามเพื่อนขณะขนกระเป๋าเข้าไปในบ้านก่อน

“ใช่ คนนี้แหละ” หนุ่มชาวสิงคโปร์ยิ้มเศร้า ๆ พวกเขาขึ้นไปยังห้องที่มาดามโรสบอกให้ไปพัก เป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดพอเหมาะสำหรับคนสองคนอยู่ได้โดยไม่อึดอัด ประกอบด้วยเตียงหลังเล็กแต่ยาวสองเตียง โต๊ะหนังสือสองโต๊ะ และตู้เสื้อผ้าสองตู้เท่านั้นโดยมาดามโรสบอกว่าจะนำผ้าปูที่นอนมาให้ทีหลังบนเตียงไม้จึงมีแต่ฟูกเปล่า ๆ ที่สีดูเก่า ๆ

ความลับที่มีน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเขาเคยแอบชอบหญิงสาวชาวไทยตอนมาเรียนต่อที่อังกฤษก่อนจะต้องพาหัวใจที่บอบช้ำกลับประเทศเมื่อฝนตัดสินใจคบหากับรุ่นพี่ชาวอังกฤษคนหนึ่งก่อนที่เขาจะได้สารภาพรักเสียอีก

“ไม่รู้ว่าจะยังคบกันอยู่รึเปล่านะ” เขาพึมพำกับตนเองแต่คนข้างกายกลับได้ยิน

“ก็ถามสิ ถ้ายังว่างก็ลุยจีบไปเลย” เควินยุเพื่อน

“จะดีเหรอ” เจคลังเล

“รึว่าจะรอให้ใครฉกไปก่อนอีกล่ะ อุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้ง ๆ ที่แทบไม่มีโอกาสเลยแท้ ๆ ก็คว้ามันไปสิ” หนุ่มอเมริกันกล่าว “เผื่อจะได้ช่วยกันไว้”

เจคสะดุดกับประโยคหลังของเพื่อน เขาขมวดคิ้วเหลือบมอง “หมายความว่าไง?”

“ดลน่ารักดีนายว่าไหม?” เควินตอบด้วยประโยคคำถาม

“อย่าบอกนะว่า...” เจคตบหน้าผากตัวเอง เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าเสป็คของเควินคือผู้ชายเอเชียหน้าตาท่าทางซื่อ ๆ แบบดลหลานของเรนนี่นี่แหละ!

“ใช่” เควินรับคำหน้าระรื่น

“อย่าได้ไหมเควิน ท่าทางของดลเขาไม่น่าจะใช่นะ” เจคพยายามห้ามเพื่อน เขากลัวว่าถ้าเกิดเจคไม่จริงจังแล้วทิ้งดลขึ้นมาเรนนี่จะพาลเกลียดเขาไปด้วย ดลเองก็ดูจะไม่ประสากับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เขาไม่อยากให้เพื่อนทำเสียเด็ก

“แต่ถ้าเขาชอบฉันล่ะ?” ชายหนุ่มนึกถึงท่าทางขัดเขินของอีกฝ่ายตอนอยู่สนามบินและปฎิกิริยาทางเคมีระหว่างพวกเขา

“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที” เจคตัดบทแล้วเดินออกจากห้องนอนไป


สองน้าหลานหลังจากวิ่งไล่กันจนฝนเป็นฝ่ายวิ่งไม่ไหวก็หยุดพักก่อนจะเข้าบ้านไม่เห็นใครเธอจึงเดินไปห้องกินข้าวติดกัน เห็นมาดามโรสกำลังวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะไม้สำหรับกินข้าวสีน้ำตาลแก่ขนาดใหญ่สิบคนนั่งพอดี

“มัวแต่วิ่งเล่นกันหนุ่ม ๆ เขาก็เลยขึ้นห้องเก็บกระเป๋ากันหมดแล้วล่ะ เรนนี่พักห้องเดิมนะส่วนดลฉันจัดห้องฝั่งขวาให้” โรสกล่าว

ทั้งสองเอ่ยขอบคุณก่อนจะช่วยกันลากกระเป๋าหนักอึ้งของฝนขึ้นไปยังชั้นสองก่อน

“น้าฝนแบกอะไรมาเนี่ยหนักเป็นบ้าเลย” ชายหนุ่มบ่น

“ของจำเป็นทั้งนั้นแหละย่ะ อย่าบ่นมากน่า!”

เท่านั้นผู้เป็นหลานจึงปิดปากเงียบ เมื่อถึงห้องของหญิงสาวประตูห้องทางฝั่งซ้ายมือก็เปิดออกมาพอดี

“ห้องเดิมเลยเนอะเรนนี่” เจคยิ้มสดใส

“อื้ม นึกถึงเมื่อก่อนเลยเนอะ พวกเราชอบบังเอิญเปิดประตูมาเจอกันทุกที” ฝนส่งยิ้มตอบ
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ว่าหญิงสาวไม่รู้ว่าเจคน่ะรอจังหวะเปิดมาให้ได้เจอหน้าหวาน ๆ ของสาวไทยต่างหาก

“แล้วกระเป๋าของนายล่ะดล?” เควินเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามีเพียงกระเป๋าใบโตของฝนคนเดียว

“อยู่ข้างล่างครับ” ดลตอบ แอบอายกับสำเนียงไทยจ๋าของตัวเองหน่อย ๆ ในเมื่อมีคนสำเนียงดีสามคนมายืนใกล้ ๆ แบบนี้

“งั้นเราลงไปยกกระเป๋าของนายกัน ส่วนของเรนนี่ให้เจคเขาช่วยก็ได้” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้คิด เขาจับมือของดลลงบันไดไปทันทีทิ้งให้สองหนุ่มสาวยืนมองตาปริบ ๆ

“ผมเอาขึ้นไปเองก็ได้ครับเควิน” ดลบอกอย่างเกรงใจเมื่อร่างสูงคว้ากระเป๋าของเขาเดินขึ้นบันไดฉับ ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักสักนิด

“ไม่เป็นไร นายพักห้องไหนล่ะ?” เควินตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ สบาย ๆ

“ห้องถัดจากเรนนี่ครับ” เขาเลือกเรียกชื่อน้าสาวอย่างที่เจคเรียกเพื่อความเข้าใจตรงกัน

“อืม” เควินทำเสียงรับรู้ ใจครุ่นคิดว่าจะจีบอีกฝ่ายดีหรือไม่ อันที่จริงตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
แค่แกล้งแหย่เพื่อนเล่นแต่พอเห็นท่าทางคัดค้านหัวชนฝาแบบนั้นก็ทำเอาฉุนอยากแกล้งขึ้นมาตะ
หงิด ๆ เสียแล้วสิแถม...ชายหนุ่มเหลือบมองคนด้านหลัง

...น่ารักดี...

แม้ว่าจะไม่ได้ดูหวานแต่ก็มีเค้าลางทำให้ดูอ่อนโยนมากกว่าคมเข้ม โครงหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเส้นผมสีดำละเอียดตัดเป็นทรงซอยแบบเทรนด์เกาหลีดูนิ่มจนน่าจับว่าจะเหมือนกับขนของเจ้าเชอเชียร์แมวที่
บ้านหรือไม่

“พวกนายคิดจะอยู่กันที่นี่กี่วันหรือ?” เขาตัดสินใจปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ บางทีเขาอาจจะอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นน้องชายแทนก็ได้ใครจะรู้แต่ดูจากสัญชาตญาณความรู้สึกแล้ว...ท่าจะยาก ถ้าพี่น้องร่วมเตียงนี่ไม่แน่

“ประมาณสิบวันครับ” ดลตอบ

“อืม~ พวกฉันกะจะอยู่สักอาทิตย์เดียวเอง เสียดายจัง” เควินกล่าว ขณะที่ดลไม่ได้ตอบอะไร

“ขอบคุณครับ” หนุ่มผมดำเอ่ยเมื่อมาถึงหน้าห้องของเขา

“ไม่เป็นไร เอากระเป๋าไปวางแล้วลงไปทานคุกกี้กันดีกว่า เจ้าเจคอวดฉันนักหนาว่าอร่อยมากต้องลอง
ลงไปพิสูจน์เสียหน่อย”

ดลหัวเราะ “เรนนี่ก็บอกกับผมเหมือนกันครับ”

“งั้นต้องยิ่งรีบลงไปใหญ่เลย ไม่งั้นสองคนนั้นอาจจะเผลอทานจนหมดแล้วก็ได้นะ” เควินขยิบตาทำเอานักศึกษาหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมา

“รอสักครู่นะครับ” หนุ่มไทยยกกระเป๋าผลุบหายเข้าไปในห้องไม่นานก่อนจะออกมาด้วยใบหน้าระเรื่อสดใส “ขอโทษที่ทำให้รอครับ”

“ไม่เป็นไร” เพียงมองก็รู้ว่าดลคงจะไปล้างหน้ามาเป็นแน่ ปอยผมด้านหน้ายังคงจับตัวเป็นก้อนเพราะน้ำอยู่เลย อืม แก้มแดงๆ เส้นผมเปียก...ก่อนที่ความคิดเจ้ากรรมจะเริ่มอกุศลไปไกลเสียงเรียกของอีกฝ่ายก็ปลุกชายหนุ่มจากภวังค์เสียก่อน

“ลงมาจนได้ มา ๆ สองคนนี้จะกินคุกกี้หมดจานแล้วนะเนี่ยรู้ไหม” โรสกวักมือเรียกเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ฝนส่วนเจคอยู่ฝั่งตรงข้ามข้าง ๆ มีชั้นผ้าสีขาวพับเป็นระเบียบวางอยู่คาดเดาว่าน่าจะเป็นผ้าปูเตียงนั่นเอง ในมือของแขกทั้งสองมีคุกกี้อยู่ในมือทั้งคู่ กลางโต๊ะมีจานเซรามิกสีฟ้าใบใหญ่ใส่คุกกี้วางอยู่เหลือไม่ถึงสิบชิ้น

“กินไม่รอกันเลยนะ” เควินตบบ่านั่งข้างๆเพื่อนขณะที่ดลเดินไปนั่งข้าง ๆ น้าสาว

“เดี๋ยวฉันเอาคุกกี้มาเติมให้นะ น้ำชาล่ะพอไหม?” หญิงชาวอังกฤษกล่าวอย่างกระตือรือร้น

“พอค่ะมาดาม” ฝนตอบหยิบกาน้ำชาทำจากกระเบื้องขาวลายดอกไม้สีชมพูมารินให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง

“อร่อยครับ” ดลที่หยิบคุกกี้ชิ้นใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นเด็กขึ้นมาชิมเอ่ยชม

“เป็นคุกกี้ข้าวโอ้ตที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยครับมาดามโรส” เควินเสริม

“ขอบใจจ้ะ” เธออมยิ้มอย่างยินดี

“มาดามอยู่คนเดียวเหรอครับตอนนี้?” เจคเป็นผู้ถามขึ้น

“จ้ะ” หญิงชรามีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย

“ขอโทษนะครับแต่ทำไมคุณถึงอยากจะขายบ้านหลังนี้ล่ะครับ?” หนุ่มอเมริกันถาม

“เควิน!” เจคอุทานเขาลืมบอกเหตุผลที่มาดามโรสอยากขายบ้านหลังนี้ทิ้งให้เพื่อนรู้เสียสนิท

“ไม่เป็นไรจ้ะเจค” โรสถอนหายใจ “วิลสามีของฉันเสียไปเมื่อเดือนก่อนจ้ะ ฉัน...ทนอยู่ในบ้านที่มีความทรงจำหลังนี้ไม่ได้ มันทรมานเกินไป”

ดลที่รู้เรื่องนี้จากน้าสาวอยู่แล้วเม้มริมฝีปาก เควินเอ่ยขอโทษเบา ๆ บรรยากาศเศร้าสร้อยเริ่มปกคลุมห้อง ทั้งเจคและฝนต่างตกอยู่ในความทรงจำในอดีตขณะที่เควินยังรู้สึกผิดอยู่ ในที่สุดหนุ่มไทยก็เป็นคนเอ่ยคนแรก

“ขอผมไปเคารพสุสานของเขาได้ไหมครับ?”

“ได้สิจ้ะ วิลคงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม” โรสกล่าวยิ้ม ๆ

“งั้นบ่ายนี้พวกเราไปหาวิลกันก่อนแล้วกัน” ฝนเสนอ

“พวกเธอไปกันเองได้ไหม เผอิญเดี๋ยวจะมีช่างไฟมาซ่อมไฟในครัวตอนสองโมงน่ะจ้ะ” หญิงผมสีดอกเลาเอ่ยขอโทษทั้งสี่

“ได้ครับมาดาม” เจคตอบ

โรสบอกที่ตั้งของสุสานให้ทราบ ฝนเสนอให้ทุกคนพักผ่อนกันก่อนแล้วค่อยเจอกันตอนสิบเอ็ดโมงเพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง โดยมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อถึงห้องดลก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงทันที จริง ๆ เขาทั้งง่วงทั้งเพลียอยากจะนอนพักแต่เพราะเป็นคนเอ่ยปากขอเลยไม่กล้าบอกใคร

“น้าฝนนี่สุดยอดเลยไม่มีเหนื่อยเลยรึไงน้า” เขาพึมพำ ชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อไปดีแต่สุดท้ายร่างกายก็ทนฝืนไม่ไหวผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น

ทางด้านของเควินเองก็โดนเพื่อนซักเรื่องของดลเช่นกัน หนุ่มสิงคโปร์นั่งที่โต๊ะหนังสือขณะที่เควินนั่งพิงอยู่บนเตียงมือประสานไว้ที่ตัก

“ตกลงว่านายจะจีบดลจริงน่ะเหรอเควิน?”

“ทำไมล่ะ ตอนนี้ฉันก็โสดดลก็โสดไม่เห็นเป็นไร”

เจคเลิกคิ้ว “นายถามเขาแล้ว?”

“เปล่า”

นั่นปะไร! หนุ่มผมดำส่ายหน้าถอนหายใจ

“นายคิดจะทำอะไรกันเควิน นั่นหลานของเรนนี่นะ”

“แล้วไง? เขาอายุยี่สิบแล้วนะเจคไม่ใช่เด็ก ๆ”

“พนันกันไหมล่ะว่าเขายังเป็นเด็กจริง ๆ” จากที่คุยกันมาทำให้เจครู้สึกว่าดลนั้นยังดูอ่อนต่อโลกอยู่มาก ยิ่งเป็นหลานของหญิงที่ชอบทำให้เขายิ่งเกิดความรู้สึกเอ็นดูและต้องการปกป้อง

“นายก็จีบเรนนี่ไปส่วนฉันก็จะคอยกันดลแยกออกมาไม่ดีหรือไง?” เควินย้อน

คราวนี้หนุ่มสิงคโปร์ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย

“มันคนละเรื่องกัน...”

“คนละเรื่องตรงไหนกัน ถ้าเกิดว่าเด็กมันไม่เล่นด้วยฉันสัญญาว่าจะไม่ฝืนใจมอมเหล้าเขาน่า” เควิ
นยักไหล่ มือประสานกันเหนือศีรษะพิงพนักเตียง

“เออ” เจคถอนหายใจ “อย่างน้อยก็ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าดลเขาเป็นเกย์เหมือนนายหรือเปล่า”

หนุ่มนัยน์ตาสีเทาหัวเราะ “พนันกันไหมล่ะว่าเขาใช่!”

ใช่...ดลเป็นเกย์ นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทางบ้านของดลและฝนตัดสินใจให้เดินทางกันสองต่อสองได้ จริงอยู่ว่าทั้งสองเป็นญาติกันแต่จริง ๆ แล้วดลเป็นลูกติดมาจากทางสามีของน้ำพี่สาวของฝนดังนั้นตามหลักแล้วทั้งสองจึงไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกันเลย

เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดกันสองหนุ่มจึงชักชวนลงไปข้างล่าง

“เอ ทำไมดลถึงยังไม่ลงมาล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นเมื่อเห็นว่าทุกคนมาครบแล้วยกเว้นแต่หลานชายตน
เองคนเดียว

“เดี๋ยวผมขึ้นไปตามให้เอง” เควินเสนอตัว

“ขอบคุณค่ะ” ฝนกล่าว

ชายหนุ่มเคาะประตูสองทีแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเขาจึงลองเคาะให้แรงขึ้นแล้วเรียกชื่อของดลอีกครั้ง...ได้ผล หนุ่มไทยเดินสะลึมสะลือมาเปิดประตูกล่าวว่า

“แป๊บนึงนะ” แล้วปิดประตูไป

เควินยืนเอ๋ออยู่หน้าห้องเล็กน้อยเพราะที่ดลพูดมาเมื่อครู่น่ะเป็นภาษาไทยแล้วเขาจะฟังออกได้ยังไงล่ะ!

“เอ่อ ขอโทษที่ทำให้รอครับ” หลังจากไปล้างหน้ามา ปรับสติสตังเปิดโหมดภาษาต่างประเทศเรียบร้อย ใบหน้าระเรื่อทั้งจากความร้อนของน้ำและความเขินอายของดลก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากหลังประตู

“ไม่เป็นไร เจคกับเรนนี่รอพวกเราอยู่ข้างล่างแหนะ” หนุ่มอเมริกันกล่าวอย่างไม่ถือสา

“ครับ...”




แก้ไขล่าสุดโดย Maya เมื่อ Sat Apr 16, 2011 7:55 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
Maya

Maya


Registered : 16/04/2011
Posts : 31

Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue

พรรค<br> : [Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty

[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSat Apr 16, 2011 7:41 pm

เมื่อลงมาถึงหนุ่มไทยก็เอ่ยขอโทษน้าสาวและเพื่อนอีกครั้งที่ตนเองเผลอหลับโดยไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้

“มือถือเราปรับเวลาเป็นของที่นี่แล้วเหรอดล?” ฝนถามหลานชาย

“ครับ” ดลตอบ

“แล้วนี่เอาพาสปอร์ตกระเป๋าตังค์มาครบนะ ได้แบ่งเงินไว้อย่างที่น้าบอกหรือยัง?” ประโยคหลังเธอ
เอ่ยเป็นภาษาไทยเพื่อที่อีกสองคนจะได้ฟังไม่ออก ถึงจะเป็นเพื่อนกันหากไม่ให้รู้เลยว่าพวกเธอแบ่งเงินบางส่วนไว้ที่นี่ด้วยอาจเป็นการดีกว่า สบายใจทั้งสองฝ่าย

ดลพยักหน้าก่อนที่ทั้งสี่จะออกเดินทางไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสองกิโลเมตรจึงตัดสินใจเดินเท้ากันเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่และได้ชมวิวไปด้วยในตัว

“ถนนเส้นนี้ตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงนะพื้นจะกลายเป็นพรมสีส้มเลยล่ะดล” ฝนเล่าเสียงเจื้อยแจ้วให้อีกฝ่ายฟังว่าเมืองนี้ในความทรงจำของเธอเป็นอย่างไรโดยมีเจคช่วยเสริมเป็นระยะ ๆ ขณะที่ดลและเควิ
นทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี

“อยากหยุดถ่ายรูปบ้างหรือเปล่า?” หนุ่มผมน้ำตาลถามดลที่กดชัตเตอร์กล้องด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจราวกับเด็กได้ของเล่นจนเควินรู้สึกเอ็นดู

“ครับ?” ดลหันมายิ้มแหย ๆ ให้เพราะเขาไม่ได้ฟังที่ร่างสูงถามอีกแล้ว เควินไม่ชักสีหน้าหรือใด ๆ ทั้งสิ้น เขาทวนประโยคอีกครั้งช้า ๆ อย่างใจดี

“ขอบคุณครับ เอาไว้ตอนขากลับดีกว่าครับ” หนุ่มไทยยิ้มขอบคุณ

“อืม” เควินพยักหน้า

ตามรายทางมีร้านรวงเปิดอยู่มากมาย กลิ่นขนมปังอบสดใหม่ชวนให้ลิ้มลองแต่เพราะส่วนใหญ่ยังอิ่มคุกกี้และน้ำชาของเจ้าของบ้านกันอยู่จึงตัดสินใจค่อยมาทานกันวันหลัง

ฝนมองตาปรอยเพราะนี่เป็นร้านประจำของเธอเลย

“ชีสสติ๊ก สโคนแล้วก็พายแอปเปิ้ลของที่นี่อร่อยมากเลยล่ะ ”

“ผมจำได้ว่าพอต้นเดือนทีไรน้าของเธอจะต้องมานั่งทานทุกอย่างอย่างละนิดละหน่อยประจำเลยล่ะดล” เจคเล่า

“ทุกอย่าง?!”

“ทำไม! ก็มันอร่อยนี่! แถมน้าไม่ได้กินคนเดียวเสียหน่อย!” ฝนค้อนขวับ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ดลหัวเราะ “ร้อนตัวเนอะคนเรา” เขาแซวเป็นภาษาไทยก่อนที่สองน้าหลานจะโต้ตอบเป็นภาษาเกิดจนลืมเพื่อนร่วมทางอีกสองคนไปเลยว่าฟังภาษาไทยไม่ออกกระนั้นสองหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร

ต้นไม้สีน้ำตาลตัดกับใบไม้สีเขียว ลมเย็น ๆ สดชื่นพัดเอากลิ่นของฤดูร้อนแตะจมูก เป็นกลิ่นของธรรมชาติที่พวกเขาซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ยากจะเจอ

“นั่นไงโบสถ์!” หญิงสาวร้อง ชี้ไปยังสิ่งก่อสร้างทรงแหลมสีขาวเหนือต้นไม้ขึ้นมา “เลี้ยวซ้ายแล้วข้ามถนนก็ถึงแล้วล่ะ”

“ไม่รู้ว่าฟาเธอร์กับซิสเตอร์ยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่านะ” เจคกล่าวขึ้น

“ฟาเธอร์ปิแอร์เทศน์เก่งมากเลยล่ะดล สำเนียงก็ฟังง่ายด้วยเอาไว้วันอาทิตย์น้าจะพามาฟังนะ” ฝนกล่าว

ดลทำหน้าแหย เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะฟังรู้เรื่องไหม ความรู้ด้านไบเบิลก็ไม่มีสักนิดด้วยแต่เพราะเกรงใจจึงได้แต่พยักหน้าไป

พวกเขาหารเงินกันซื้อช่อดอกเบญจมาศห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขายอยู่ในรถเข็นหน้าโบสถ์เพื่อไปวางหน้าสุสาน สำหรับเจคและฝนที่เคยได้อาศัยอยู่กับชายชราซึ่งทอดร่างอย่างสงบสุขเบื้องหน้าถึงกับเงียบไปเลย

ดลและเควินเองก็ถูกอารมณ์และบรรยากาศทำให้หดหู่ตามไปเช่นกัน

“หลับให้สบายนะคะวิล” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาซับน้ำตา “น้าไม่เป็นไร
ขอบคุณ” เธอหันไปยิ้มให้ดลที่เดินเข้ามาแตะแขนอย่างกังวล

“วิลคงไม่อยากให้เธอร้องไห้หรอกเรนนี่ เขาเคยบอกนี่ว่าชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด” เจคปลอบเพื่อนอย่างอ่อนโยน

“อื้ม นั่นสินะ” ฝนยิ้มเศร้า ๆ แล้วเอ่ยลาผู้วายชนม์ “ไว้พวกเราจะมาเยี่ยมใหม่นะคะวิล”

“เราเข้าไปดูในตัวโบสถ์กันเถอะ” หนุ่มสิงคโปร์ชักชวน

เมื่อเข้ามาข้างในสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาแห่งนี้ความสับสนวุ่นวายเศร้าสร้อยในใจพลันมลายหายไปจากใจของชายหนุ่มชาวไทยทันที

แสงสีสดใสลอดผ่านกระจกสีที่ถูกทำเป็นรูปการกำเนิดของพระเยซูอย่างวิจิตรสวยงาม มือยกขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้ทันที สายตาบ่งบอกความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด

เจคเป็นคนเดียวที่เดินไปทำความเคารพรูปปั้นขณะที่อีกสามคนยืนนิ่ง

“คุณไม่ได้นับคือคริสต์หรือคะ?” ฝนถามเควินอย่างแปลกใจ

“เปล่าครับ ผมมันคนไร้ศาสนา” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ

“ทำไมล่ะครับ?” ดลอดจะถามไม่ได้

“ผมมีบางอย่างที่ศาสนาคริสต์ห้ามไว้น่ะครับ” เควินตอบสั้น ๆ เมื่อตอบแค่นั้นสองน้าหลานก็ไม่คิดจะถามซักไซ้ต่อ สำหรับดลนั้นอีกหนึ่งเหตุผลคือไม่แน่ใจว่าถามไปจะฟังออกหรือไม่

หลังออกจากโบสถ์ไม่นานหญิงสาวชาวไทยก็เกิดอาการหน้าซีดขึ้นมากระทันหันขอตัวกลับที่พักก่อน ใครถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ

“พวกคุณเดินกันต่อไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ” เธอกล่าว

“ได้ยังไงล่ะน้าฝน มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ” ดลเอ่ยท้วงเป็นภาษาไทย

“อย่าเลย แกไปเดินต่อเหอะดล น้าไม่เป็นไรมากหรอก กลับเองได้” เธอตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน

“เดี๋ยวสิเรนนี่ คุณจะกลับคนเดียวได้ยังไง ให้ผมไปส่งดีกว่า” เจคเอ่ยขึ้น

“ฉันยังจำทางได้น่าเจค คุณเดินเป็นไกด์ให้สองคนนี้เถอะ”

“แต่ผมว่าพวกผมเดินกันเองได้ครับ เจคนายเดินไปส่งเรนนี่เถอะ เดี๋ยวฉันเดินกับดลต่อเอง” เควินกล่าวหันไปถามกับดลว่าตกลงไหม

“แต่...” หนุ่มไทยขมวดคิ้ว

“เออ ไปเหอะดล น้าแค่...แดงเดือดว่ะ” ในที่สุดเธอก็๋ยอมกัดฟันบอกความจริงกับหลานเป็นภาษาเกิดเบา ๆ

“อ่อ” คราวนี้ชายหนุ่มถึงค่อยคลายกังวล ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าปวดหัวหรือปวดท้องเฉยๆเขาคงกังวลกว่านี้เพราะอาจเป็นหนักได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ที่ผู้หญิงเป็นกันทุกเดือนน้าของเขาคงรับมือจัดการได้อยู่แล้ว

“เตรียมยามาหรือเปล่าครับ?” เขาถามน้าสาว

ฝนพยักหน้า “ไปเที่ยวต่อเถอะ ไม่ต้องห่วง เจคนายเองก็ไปเที่ยวต่อเถอะ ฉันกลับเองได้จริง ๆ”

“ไม่ครับ เควินฝากดลด้วยนะ” เขายืนยันคำเดิม หันไปฝากหลานชายของคนที่ชอบกับเพื่อน

“ได้ แล้วจะซื้ออะไรไปฝาก” หนุ่มอเมริกันโบกมือให้ ลากแขนหนุ่มไทยที่ยืนเอ๋ออยู่ให้เดินไปด้วยกัน

“ถ้าพวกเขาหลงทางจะว่ายังไง!” ฝนร้อง ไล่ให้เพื่อนเก่าไปด้วย

“เควินน่ะจำทางเก่งไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างถ้าหลงแค่ถามว่าบ้านมาดามโรสไปทางไหนเขาก็รู้กัน
หมดอยู่แล้ว” เจค ตอบ แตะแขนของหญิงสาวอย่างสุภาพเพื่อพยุง “พวกเรากลับกันดีกว่าครับ ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่บอกผมนะครับ” แล้วเขาก็โบกเรียกแท็กซี่

ในที่สุดเธอก็ต้องกลับพร้อมหนุ่มสิงคโปร์อย่างจำยอม

“คุณเคยมาที่นี่เหรอครับ?” ดลเอ่ยถามคนข้างกาย

“ไม่”

“อ้าว!” เขากระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงงเพราะเห็นอีกฝ่ายเดินนำฉับ ๆ เหมือนรู้ทาง

อันที่จริงแล้วเควินก็แค่อยากจะเดินออกมาจากวงเพื่อที่จะได้ตัดประเด็นให้จบไว ๆ ก็เท่านั้น และแน่นอนว่าเพื่อที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคนข้าง ๆ ให้เร็วขึ้นด้วย

“เอาอย่างนี้ นั่งพักเหนื่อยกันในสวนข้างหน้าก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มชักชวน เมื่อข้ามถนนไปก็จะพบกับสวนสาธารณะที่ถูกตัดแต่งไว้ ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ใกล้ ๆ กับน้ำพุ

“นอนก็ได้นะ ท่าทางนายคงเพลียจากการเดินทางอยู่สินะ? ” เควินเอ่ยขึ้น

ดลทำท่าตกใจ “มะ ไม่เป็นไรครับ”

“เอาน่า ไม่มีใครอยู่เลย นอน ๆ ไปเถอะ” ร่างสูงเอ่ย “ตาแดงเป็นกระต่ายแล้วยังฝืนอยู่อีก” เขาบ่น
เพราะขัดไม่ได้ผสมกับความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจริง ๆ หนุ่มไทยจึงหลับตาลงเอนศีรษะพิงพนักด้านหลังและผล็อยหลับไป

เควินอมยิ้ม เขาปัดปอยผมที่ปกระใบหน้าให้พ้นออกจากวิสัยการมองของเขา กระซิบเรียกเบา ๆ สังเกตการหายใจว่าสม่ำเสมอไม่ได้แกล้งหลับแล้วจึงโน้มตัวไปจูบเบา ๆ ผะแผ่วก่อนจะผละออกมาทันทีอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น

ดลตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เขาฝัน...ฝันว่าจูบกับใครบางคน...มือยกขึ้นลูบไล้ริมฝีปากอย่างลืมตัวว่ามีใครบางคนยังนั่งอยู่ข้าง ๆ

“หลับสบายไหม?” เท่านั้นเองหนุ่มไทยจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังนอนพิงร่างสูงอยู่!

“ขะ ขอโทษครับ!” เขาสปริงตัวขึ้นทันที ใบหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย

...ไหงไปซบเค้าได้วะเนี่ย! ...

เควินยิ้มให้ เอ่ยไม่เป็นไรก่อนจะลอบหัวเราะในใจกับกิริยาตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงตอนได้สติของคนตรงหน้า

...น่ารักจริง ๆ ...

“ตรงนั้นมีหอนาฬิกาด้วยพวกเราไปดูกันดีกว่า” เขาชี้ไปยังหอนาฬิกาก่อด้วยอิฐบล็อกสูงประมาณตึก
สามชั้นซึ่งอยู่ตรงกลางของจัตตุรัส “มาฉันถ่ายรูปให้ นายไปยืนเป็นนายแบบบ้างดีกว่า”

“อ๊ะ!” ดลร้องเมื่อกล้องถ่ายรูปถูกแย่งไปจากมือ ร่างสูงดันหลังชี้มือประกอบที่ตัวดลและหอนาฬิกาเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้น “ขอบคุณครับ” หลังจากไปยืนนิ่งเป็นหุ่นมาหนุ่มไทยก็เดินกลับเอ่ยขอบคุณ

“ไม่เป็นไร” เควินยิ้ม

“คุณจะถ่ายไหมครับ?” ดลชี้นิ้วที่ตนเองกับกล้องแล้วจึงชี้ที่เควินกับหอนาฬิกาบ้าง

“เอาสิ” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเทาไม่ปฎิเสธเพราะรู้ว่าคนข้างๆคงเกรงใจเขา

“ให้ฉันช่วยถ่ายรูปพวกเธอให้ไหม” ระหว่างที่กำลังดูรูปกันก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาเสนอตัวให้อย่างใจดี

“ขอบคุณครับ” เควินชิงตอบรับ มือโอบบ่ารั้งตัวของดลให้เข้ามาใกล้ ๆ จนอีกฝ่ายหน้าแดง รูปที่ออกมาจึงเป็นภาพที่ร่างสูงยืนยิ้มกว้างมือโอบบ่าคนตัวเตี้ยกว่าที่กำลังยิ้มอย่างเขินอาย

“ผมดูตลกจัง” ดลบ่นอุบเมื่อเห็นภาพ

“น่ารักดีออก อย่าลบนะภาพนี้ฉันขอ” เควินกล่าวทำให้ชายผมดำรับคำอย่างเสียไม่ได้

“แล้วพวกเราจะไปไหนต่อดีครับ?” เขาถาม

“หิวหรือยังล่ะ?” เควินถามกลับ ดลส่ายหน้า

“ยังอิ่มคุกกี้มาดามโรสอยู่เลยครับ”

“แต่ฉันหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า เจคเคยเล่าให้ฉันฟังว่าใกล้ ๆ นี้มีร้านทำสตูว์อร่อย ๆ อยู่
ด้วย” ด้วยความที่เผลอพูดตามปกติจึงฟังดูเร็วเกินไปสำหรับดล เขาจับใจความได้แค่หิว เจ
คและสตูว์จึงเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงหิวแล้ว

“โอเคครับ” ดลพยักหน้ายิ้ม ๆ

เมื่อไม่ปฎิเสธเควินจึงคว้ามือของอีกฝ่ายมาจูงแต่ดลร้องเสียงหลง

“ทำไมครับ?” เขานึกคำศัพท์ไม่ออกจึงได้แต่ถามว่าทำไมทั้ง ๆ ที่อยากจะถามว่าจูงมือทำไม

“กันหลง” เควินตอบสั้น ๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ผมไม่หลงหรอกครับ!” ดลพยายามเอามือออก หน้าแดงแจ๋หากชายอเมริกันจับแน่นราวกับใส่กาว

“ไปกันเถอะ” เควินรอจนดลหยุดความพยายามจึงชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนฟังดูน่าหมั่นไส้สำหรับนักศึกษาหนุ่มนัก อาศัยความทรงจำจากคำบอกเล่าในที่สุดทั้งสองก็มาถึงร้านสตูว์ขนาดเล็กที่ประดับร้านด้วยกระถางดอกไม้เล็ก ๆ หน้าร้าน ภายในร้านเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมประมาณสิบโต๊ะที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา ทุกโต๊ะจะมีแก้วทรงสูงบรรจุดอกไม้สีม่วงที่มีเกสรสีเหลืองใส่อยู่

“ฉันเอาสตูว์ลิ้นวัว นายล่ะ?”

“ผมขอน้ำเปล่าครับ” ดลตอบ เขากำลังพิจารณาเจ้าดอกไม้แปลกตาบนโต๊ะอยู่ กลีบดอกแซมมากมายประกอบกลายเป็นดอกเดียว ที่ปลายกลีบแตกออกเป็นแฉกๆสามแฉกบ้าง สี่แฉกบ้าง ห้าแฉกบ้างตามขนาดความกว้างของกลีบนั้น ๆ

การจดจ่อกับดอกไม้นี้ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเขาจากสัมผัสวูบวาบอันเกิดจากการที่หัวเข่าชนกันใต้โต๊ะไปได้บ้าง

“นี่ดอกอะไรเหรอครับ?” เขาถามเควินอย่างสนอกสนใจ

“ไม่รู้สิ เดี๋ยวลองถามเด็กเสิร์ฟดูสิ”

และแล้วเมื่ออาหารมาเสิร์ฟดลก็ได้รู้ชื่อของดอกไม้นี้ ‘Cupid Dart’

Cupid นี่ยังพอนึกออกว่าเป็นเด็กมีปีกตัวเล็ก ๆ ในตำนานของฝรั่งที่คอยยิงศรให้คนเขารักกันแต่ว่า “Dart แปลว่าอะไรครับ?” แม้เควินจะพยายามนึกคำที่เข้าใจง่ายกว่านี้แต่สุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มขอโทษคืนมาให้

การบ้านประจำวันนี้ของดลจึงเป็นกลับไปถามน้าสาวว่า Dart แปลว่าอะไร

เควินมองคนตรงข้ามที่หยิบสมุดจดเล่มน้อยออกมาจากเป้เพื่อจดบันทึกอย่างเอ็นดู เขาเคยไปเที่ยวกับใครหลายคนแต่ไม่เคยเลยที่จะมีใครหยิบสมุดออกมาจดบันทึกแบบนี้

“ชอบมากเหรอ?” เขาถาม

เมื่อเห็นสีหน้างุนงงเขาจึงชี้ไปที่ดอกไม้ คราวนี้รอยยิ้มกว้างจึงถูกส่งตอบกลับมาพร้อมอาการพยักหน้าหงึก ๆ

“ชอบครับ”

“แล้วนี่เรียนคณะอะไรเหรอ?”

ดลพยายามนึกถึงคณะศิลปกรรมของตนเองว่าชื่อภาษาอังกฤษคืออะไรแต่ก็นึกไม่ออกจึงได้แต่ตอบ
ไปว่า “เกี่ยวกับศิลปะครับ”

“ถ่ายภาพ?” เควินเดาเพราะเห็นอีกฝ่ายชอบถ่ายรูป

“เปล่าครับ วาดรูป” ดลตอบ

“หืม? นายอยากจะเป็นศิลปินเหรอ?”

“ครับ” หนุ่มไทยยิ้มเขิน ๆ “แล้วเควินล่ะครับ?”

“ฉันเป็นโปรแกรมเมอร์น่ะ” นักศึกษาหนุ่มอดจะแปลกใจไม่ได้ว่าทั้ง ๆ ที่อาชีพของคนตรงหน้าต้องอยู่ในห้องแท้ ๆกลับมีกล้ามเนื้อที่แม้จะมีเสื้อหนาวสีดำห่อหุ้มอยู่ก็พอจะใช้สายตาของศิลปินมองออกว่าต้องหุ่นดีพอควร

“ว้าว~ ดีจังเลยนะ ผมเคยนั่งดูเพื่อนที่เรียนคอมทำโพรเจกต์ดูไม่รู้เรื่องเลย ฮะ ๆ”

“ฉันเองก็วาดรูปห่วยเหมือนกัน” เควินตอบยิ้ม ๆ

ถึงแม้ว่าสายที่เรียนมาจะไม่ตรงกัน ภาษาของดลจะไม่แข็งแรงนักแต่ทั้งสองก็พบว่าพวกเขาสามารถหาเรื่องคุยกันได้เรื่อยๆ

หนุ่มไทยไม่ได้ทำให้เควินหัวเราะร่วนได้อย่างสนุกสนานอย่างแฟนเก่าที่เคยคบแต่ก็ทำให้เขาสบายใจที่จะอยู่ด้วยไม่ต่างกันด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ที่มักประดับบนใบหน้าของดลเสมอ

เขารู้แต่ว่าชอบที่จะอยู่กับดล รู้สึกสนใจในคนตรงหน้าตั้งแต่เห็นที่สนามบิน...ชายหนุ่มนึกถึงภาพคนเอเชียที่กำลังยืนเหม่อลอยในสนามบินแล้วอมยิ้ม พอดลถามว่ายิ้มทำไมก็ตอบว่าไม่มีอะไร

“ไปกันต่อเลยไหม?” เควินชวน “เช็คเงินด้วยครับ”

หนุ่มผมน้ำตาลหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงงเมื่อจู่ ๆ ดลก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

“อะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรครับก็แค่...นึกถึงประเทศไทยขึ้นมาน่ะครับ ที่นั่นตอนคิดเงินจะบอกว่าเช็คบิลรวบเลยน่ะ
ครับ” ดลยิ้มอธิบาย

“เอ๋?” เควินยิ้มขัน

“ใช่ครับ ทั้งเช็คทั้งบิลกันเลยทีเดียว” ตอนแรกที่ผู้เป็นน้าเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาก็งงพอควรเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Thailand only ก็หัวเราะออกมา

“แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อดี?” หนุ่มผมน้ำตาลหันมาถามคนข้างกายเมื่อออกจากร้านมาแล้ว

“ไม่รู้สิครับ...เดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้มั้งครับ?” ดลกล่าว

“ได้สิ” เควินคล้อยตาม

“อากาศสดชื่นดีนะครับ” หนุ่มไทยสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“นั่นสิ ฉันเองก็อาศัยในเมืองไม่มีทางได้มาเดินแบบนี้หรอกนอกจากในสวนสาธารณะ”
ตามรายทางมีต้นไม้สีเขียวสด ดอกไม้ฤดูร้อนมากมายแข่งกันอวดสีสันอาทิ เจ้าเดซี่สีขาว ทิวลิปหลากสี ถนนเป็นอิฐบล็อกสีน้ำตาลก่อเป็นทางเดินไปเรื่อย ๆ

“พออากาศเย็นแบบนี้ทีไรผมชอบกินไอศครีมทุกที” ดลเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ “โดยเฉพาะตอนเป็นหวัดผมยิ่งกินเลย แต่กินแล้วก็หายหวัดนะ ฮะ ๆ”

“นายนี่แปลกคน” เควินขำ

“เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ต่อให้หน้าหนาวที่กรุงเทพฯก็ประมาณ20องศาเองมั้งครับ” ดลอธิบาย ติด ๆ ขัด ๆบ้างเพราะต้องนึกคำศัพท์

“อืม~ แล้วหน้าร้อนล่ะกี่องศา?”

“ก็ประมาณ30องศาได้ครับ”

“งั้นฉันไปหน้าหนาวดีกว่า” เควินส่ายหน้า หนุ่มผมดำหัวเราะ

“ถ้าคุณมากรุงเทพฯผมจะเป็นไกด์ช่วยพาเที่ยวได้ครับ” เขากล่าว

นัยน์ตาสีควันบุหรี่เปล่งประกายพราว “สัญญานะ”

“สัญญาครับ แถมเลี้ยงข้าวมื้อนึงด้วยเอ้า”



แก้ไขล่าสุดโดย Maya เมื่อ Sat Apr 16, 2011 7:56 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
Maya

Maya


Registered : 16/04/2011
Posts : 31

Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue

พรรค<br> : [Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty

[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSat Apr 16, 2011 7:45 pm

“ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ แค่มาเป็นไกด์ให้ตามสัญญาก็ดีแล้วล่ะ” หนุ่มอเมริกันหัวเราะ

“ตอนคุณมาผมจะมีเงินหรือเปล่าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะต้องซื้อพวกอุปกรณ์วาดรูป” ดลกล่าว มือยกถ่ายภาพไม่หยุด

“นายอยากจะหยุดวาดรูปก็บอกได้นะ” เควินกล่าวอย่างเอื้อเฟื้อ

ดลส่ายหน้า ส่งยิ้มให้ร่างสูงอย่างขอบคุณ “ไม่เป็นไรครับ”

ก่อนจะกลับที่พักนักศึกษาหนุ่มก็ไม่ลืมจะแวะร้านขนมปังเพื่อนำไปฝากน้าสาวและเผื่อทานเป็นอาหารเช้าด้วย

“เยอะขนาดนี้เรนนี่ทานหมดเหรอ?” เควินถามอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายหยิบใส่ถาดมาร่วมสิบก้อน

“อ๋อ ผมซื้อเผื่อคนอื่นด้วยน่ะครับ” ดลเฉลย “ส่วนของคุณก็อันที่ผมให้คุณเลือกนั่นแหละครับ”

ถึงแม้ว่าจะต้องการประหยัดเงินแต่เรื่องพวกนี้เขาก็ยินดีจะจ่าย

“ขอบคุณ งั้นเดี๋ยวฉันช่วยจ่ายดีกว่า”

“ไม่ต้องครับ ผมเลี้ยงเอง” หนุ่มไทยยิ้ม

“งั้นไว้ให้ฉันเลี้ยงนายบ้างตกลงไหม?” ด้วยความที่ติดนิสัยอเมริกันแชร์และไม่ชอบเอาเปรียบคนทำให้เควินต้องหาทางทำอะไรสักอย่างตอบแทน

“ได้สิครับ”

“มา ฉันช่วยถือแล้วนายจะคีบอะไรก็คีบมา” ชายหนุ่มดึงถาดในมือมาจากดลอย่างสุภาพ

“เจคชอบทานอะไรครับ?” เขาหันมาถาม

“อะไรก็กินหมดนั่นแหละ หยิบ ๆ มาเถอะ” เควินยักไหล่

“อืม...งั้นชีสสติ๊กเหมือนน้าฝนแล้วกัน” ดลพึมพำกับตนเองเป็นภาษาไทย ในที่สุดเขาก็ได้ขนมปังสำหรับฝนสามชิ้น ส่วนของคนอื่นอย่างละสองชิ้นรวมถึงมาดามโรสด้วย

“เฮ้ย ทำไมฟ้ามันมืดแบบนี้เนี่ย” ชายหนุ่มอุทาน

“ท่าทางฝนใกล้จะตกเราโบกรถกลับกันดีกว่า” เควินเสนอ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย

“รีบเดินเอาก็ได้มั้งครับ?”

“แต่ถ้าฝนตกขึ้นมาขนมปังจะแฉะหมดนะ” เนื่องจากถุงขนมปังของทางร้านเป็นถุงกระดาษสีน้ำตาลจึงไม่สามารถปกป้องขนมปังได้แน่นอนหากฝนตก

ดลพยักหน้า ถอนหายใจแบบไม่มีเสียงเมื่อร่างสูงหันไปโบกรถ

...ต้องเสียเงินอีกแล้วเหรอเนี่ย แย่จัง...

“เดี๋ยวฉันเลี้ยงค่าแท็กซี่เอง โอเคนะ?” เควินหันมาบอกก่อนขึ้นรถ

หนุ่มไทยมีสีหน้างุนงงแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างยินดีเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยว่าแลกกับขนมปัง ระยะทางจากร้านขนมปังไปยังบ้านของมาดามโรสไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำแต่ก็นับว่าเคราะห์ดีที่พวกเขาเลือกนั่งรถมาเพราะทันทีที่ถึงบ้านหยาดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาพอดี

“กลับกันมาแล้วเหรอหนุ่มๆ” หญิงชราเดินกระฉับกระเฉงมาต้อนรับ “อ้าว ซื้ออะไรกันมาน่ะห่อใหญ่เชียว”

“ผมซื้อขนมปังมาฝากทุกคนน่ะครับ” ดลตอบ

แววตาของโรสปรากฎความแปลกใจหากก็คลี่ยิ้ม เอ่ยขอบคุณแล้วบอกให้ชายหนุ่มนำไปวางไว้ในครัวเดี๋ยวตนจะจัดวางใส่ตะกร้าให้

“เอ่อ ผมขอแยกสามชิ้นเอาไปให้เรนนี่ก่อนได้ไหมครับ?”

“ได้สิจ๊ะ มา ๆ” เธอเดินนำทั้งสองไปที่ครัว

จังหวะที่โรสส่งจานมามือของเควินและดลก็เอื้อมไปรับพร้อมกันพอดี นัยน์ตาทั้งสองประสานกันก่อนที่ดลจะเป็นฝ่ายปล่อยมือจากจาน ยิ้มด้วยความขัดเขิน

“เดี๋ยวผมหยิบขนมปังของเรนนี่ออกมานะครับ”

ในใจของชายหนุ่มผมดำอดจะก่นด่าตัวเองไม่ได้ว่าจะเขินทำไม เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ถึงจะรู้ตัวว่าสนใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแต่เขาก็ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร

เควินกับโรสมองกิริยาอาการของคนตรงหน้าด้วยความงุนงง

“ปวดหัวเหรอจ๊ะดล?” หญิงชาวอังกฤษไต่ถาม

“อ่า นิดหน่อยครับ เดี๋ยวก็หาย” ดลรับสมอ้าง หัวเราะแหะๆ “คงเพราะเจออากาศเย็นๆเลยไม่ชินมั้งครับ”

“งั้นขึ้นไปทำตัวให้อบอุ่นเถอะจ้ะ พอถึงเวลาอาหารเย็นเดี๋ยวฉันจะเรียกพวกเธอลงมาเอง” โรสกล่าว

“ครับ” เมื่อถึงห้องของน้าสาวเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอดออกมาจึงเคาะประตูตามมารยาทเล็กน้อย

ก๊อกๆ

“เชิญจ้า” หญิงสาวตะโกนบอกเสียงใส

“เป็นยังไงบ้างครับ?” ดลถาม ส่งจานขนมปังให้คนป่วย “ผมซื้อมาฝาก อย่ากินหมดล่ะครับเก็บไว้กิน
ข้าวเย็นกับพรุ่งนี้บ้าง” เขาแซวในภาษาเกิด

“ย่ะ ขอบใจนะ” ฝนค้อนก่อนจะเอ่ยขอบคุณ

“ของนายก็มีนะเจค อยู่ข้างล่างดลเขาซื้อมาฝาก” เควินกล่าว

“ขอบคุณครับ” เจคเอ่ย ดีใจที่หลานชายของเรนนี่มีน้ำใจถึงเขาด้วย

“อยากจะได้อะไรเพิ่มไหมเรนนี่?” เควินถาม

หญิงสาวส่ายหน้า “ขอบคุณค่ะเควิน แต่นี่เจคก็ช่วยดูแลจนฉันเกินพอแล้วค่ะเนี่ย” เธอหัวเราะ เพราะหนุ่มสิงคโปร์นั้นเอาใจเธอจนเกินพอด้วยซ้ำ

หนุ่มผมน้ำตาลส่งสายตาหาเพื่อนอย่างรู้ทัน ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างพอใจที่เริ่มลงมือทำอะไรบ้างเสียที

“แล้วไปที่ไหนกันมาบ้างล่ะ?” เจคกระแอมไอเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกเขิน ๆ เมื่อเห็นการแซวทางสายตาของเพื่อนซี้

“ก็ไปที่...” หนุ่มอเมริกันเป็นฝ่ายเล่าโดยที่ดลเดินไปหาฝนที่เตียงโชว์รูปที่ถ่ายมาให้ดู แต่ก็ถูกขัดจังหวะกลางคันด้วยการมาเยือนของหญิงเจ้าของบ้านมาเชื้อเชิญแขกไปทานมื้อเย็นกัน ปากของดลที่กำลังจะเอ่ยถามน้าสาวถึงความหมายของชื่อดอกไม้สีม่วงที่เห็นในร้านสตูว์ก็ปิดลง

...เอาไว้ก่อนก็ได้...เขาคิดในใจ

ตลอดมื้ออาหารไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่แต่เขากลับรู้สึกว่าศอกและมือของเขากับเควินโดนกันบ่อยจัง...โต๊ะอาหารเองก็ไม่ได้แคบเพราะใหญ่ขนาดนั่งได้ร่วมสิบคน หลังจบมื้ออาหารและนั่งพูดคุยเล่นไพ่กันตาสองตาต่างคนต่างแยกย้ายขึ้นห้องขณะที่ดลนั้นได้แต่พลิกตัวซ้ายขวาไปมาด้วยความตื่นเต้น

...นอนไม่หลับ...เขาถอนหายใจออก ตลบผ้าห่มออกสวมเสื้อกันหนาวลงไปเดินที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งเพื่อนั่งวาดรูปห้องแก้เบื่อ คืนนี้เป็นคืนแรกที่เขาได้มาค้างต่างประเทศ วิวตอนกลางคืนทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดสำหรับเขา

“ทำอะไรอยู่น่ะดล?” เสียงทักในความเงียบทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบกับ
ร่างของเควินยืนอยู่ประตูห้อง

“คุณนั่นเอง” ดลลูบอกตัวเองปลอบขวัญ

“นึกว่าฉันเป็นผีหรือไง” ร่างสูงยิ้มเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันจึงเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายถือ
กระดานวาดรูปอยู่ “สวยดีนี่” เขาชม แม้จะเป็นภาพคร่าว ๆ แต่ก็มองออกว่าเป็นห้อง ๆ นี้

“ขอบคุณครับ” ดลยิ้ม “คุณลงมาทำไมหรือครับ?”

“กะจะลงมาดื่มนมน่ะ ฉันติดต้องดื่มนมอุ่นๆก่อนนอน” เควินอธิบายด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่หนุ่มผมดำพอนึกภาพตามก็อมยิ้มที่ผู้ชายท่าทางนักกีฬาแบบเควินกำลังดื่มนม

“ทำให้หลับสบายนะ” หนุ่มอเมริกันขยิบตา “อยากจะได้สักแก้วไหมฉันจะทำเผื่อให้”

“เอาสิครับ ขอบคุณครับ” ดลรับน้ำใจ

น้ำนมสีขาวในถ้วยกระเบื้องมีหูสีน้ำตาลเพ้นท์ลายดอกทิวลิปสีแดงถูกส่งมาให้ ชายหนุ่มรับมาเป่าให้ควันสีขาวลอยหายไปช้า ๆ ความอบอุ่นถูกส่งผ่านมายังมือที่เริ่มเย็นของเขาได้เป็นอย่างดี

...ถึงจะเป็นฤดูร้อนแต่ยังหนาวอยู่ดี...ดลนึก ปรายตาเปรียบเทียบตนเองกับเควิน
ชายหนุ่มร่างสูงใส่เพียงชุดนอนเสื้อแขนสั้นกับกางเกงวอร์มง่าย ๆ ขณะที่เขาต้องใส่เสื้อหนาวทับมาอีกตัวเลย

“อะไรหรือ?” เควินถามเมื่อเห็นว่าสายตาของดลกำลังจ้องมองมาที่เขา

“กำลังคิดว่าคุณไม่หนาวเหรอ?”

นัยน์ตาสีเทาพราวระยับไปกับเสียงหัวเราะเบา ๆ “ชินน่ะ”

“แค่นี้ผมยังหนาวเลย ถ้ามาฤดูหนาวคงเป็นตุ๊กตาหิมะ” ดลบ่นกระปอดกระแปด

“ไว้มาที่แคลิฟอร์เนียสิ ไม่หนาวแบบนี้หรอก” เควินยิ้ม

“คุณอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย?” เขาถาม ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้า เท่านั้นเองดลถึงเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีรูปร่างและสีหน้าผิดกับภาพลักษณ์ของโปรแกรมเมอร์แบบนี้

“วาดให้บ้างได้ไหม?”

“ครับ?” ดลกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจเควินจึงขยายความเพิ่ม

“วาดภาพอะไรก็ได้ให้ฉันบ้างได้ไหม?”

หนุ่มไทยทำหน้าเหวอก่อนจะยิ้มหน้าแดงเล็กน้อย “ครับ!”

“คิดค่าจ้างเท่าไหร่ครับคุณศิลปิน” ชายหนุ่มแซว

“อืม~ แลกกับไว้ตอนมาไทยช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ให้ฟรีหนึ่งครั้งเป็นยังไงครับ?”

สายตาทั้งสองประสานกันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาท่ามกลางความเงียบสงบของบ้าน

“อ๊ะ เที่ยงคืนแล้วนี่นาไปนอนกันเถอะ” เควินมองนาฬิกาเจ้าคุณปู่ที่กำลังตีเหง่งหง่างอยู่

“ครับ” ดลจัดการเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นมา ภาพของเขายังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี

“นี่...”

“ครับ?”

“คืนพรุ่งนี้จะลงมาวาดรูปต่อไหม?” ชายหนุ่มถามก่อนที่พวกเขาจะเปิดประตูห้องแยกย้ายกัน

“คิดว่าครับ ผมอาจจะเอารูปนี้ให้เป็นของขวัญมาดามโรสก็ได้” ดลตอบ

“งั้นไว้เจอกันนะ”

“ครับ ไว้เจอกัน”

เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัวใบหน้าของหนุ่มไทยก็ร้อนผะผ่าว

...เขินทำบ้าอะไรวะไอ้ดล!...

เขาจับที่หัวใจตนเองที่กำลังเต้นรัว ไม่เข้าใจว่าจู่ ๆ ทำไมถึงเขินขึ้นมาได้ อาจจะเป็นเพราะความคิดชั่ววูบบ้า ๆ เมื่อกี้ก็ได้ที่คิดว่า ‘เป็นความลับของเขาสองคน’

...อ่านการ์ตูนสาวน้อยมากเกินไปแล้วไอ้ดล...เขาสะบัดใบหน้าแรง ๆ ไล่ความคิดพิลึกๆออกไปจากหัว

สิ่งที่เขารู้สึกยามนี้ต้องเป็นแค่การชื่นชมแน่ ๆ ก็เหมือนกับที่สาว ๆ กรี๊ดดารานั่นแหละ ไม่มีอะไรจริงๆ!


ทั้งหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ต่างกำลังสงสัยในความรู้สึกของตนเองแต่ทว่าทางด้านคนที่แน่ใจในความรู้สึกของตนเองแล้วนี่สิที่กำลังลืมตาโพลงในความคิด หันไปมองเพื่อนที่เพิ่งล้มตัวลงนอนเมื่อไม่กี่นาทีมานี้อย่างอิจฉา

...เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้นัดแนะเจอเรนนี่แบบนี้บ้างนะ...เขาถอนหายใจเบา ๆ จากวันนี้เขาคิดว่าหญิง
สาวน่าจะรู้แล้วว่าเขาคิดอะไรบ้าง แต่กระนั้น...ก็ยังอดจะไม่แน่ใจไม่ได้ว่าบางทีที่เรนนี่พูด
คุยหยอกล้อกับเขาทั้งหมดนั้นเพราะคิดว่าเป็นเพียงเพื่อนจริง ๆ ถึงแม้จะได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัวแล้วว่าตอนนี้ยังโสดก็ตาม...

“ถ้ายังนอนถอนหายใจเฮือกๆรบกวนการนอนอันมีค่าของฉันแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกเลยไป” เสียงทุ้มลอยเข้าหูมา

“มีค่า? บอกจะลงไปกินนมแป๊บเดียวแล้วขึ้นมาไหงหายไปเป็นชาติ ตะกี้ยังเห็นเพิ่งขึ้นมากับดลอยู่เลย” เจคแขวะเพื่อน

“ก็นั่นยังไม่นอนนี่หว่า”

“ถามจริงเหอะว่ะ แกจริงจังเหรอคนนี้? ปกติไม่เห็นแกมีอารมณ์ไปนั่งคุยกับใครนานขนาดนี้เลย”
เพราะปกติเพื่อนเขาเน้นการกระทำมากกว่าคำพูดเสมอ

“ไม่รู้สิ เขาก็น่ารักดี”

“เออ ไม่เหมือนแฟนเก่าแก นั่นก็น่ารักดูไร้เดียงสาแต่ตัวจริง...เหอ ๆ”

“อืม ก็ดู ๆ ไปแล้วแกว่าดลเขาซื่อจริงรึแอ๊บแบบเทโตะวะ?” เควินเอ่ยถึงแฟนชาวอาทิตย์อุทัยคนเก่าของเขาที่แรกเริ่มนั่นดูใสซื่อตรงเสป็กเขามากแต่ไป ๆ มา ๆ กลับกลายเป็นนักเที่ยวประจำผับที่มาทุกเดือนเสียอย่างนั้น

“เท่าที่คุยกับเรนนี่ฉันว่าเขาคงไม่เหมือนเทโตะนะ เรนนี่ชื่นชมในตัวหลานชายมาก เธอบอกว่าเขาเป็นเด็กดีและทุกคนในบ้านรักเขามาก”

เควินทำเสียงอืมตอบรับในลำคอ

“แล้วสรุปว่ายังไง?” เจคถามเพื่อน

“อะไร?” เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ก็เรื่องดลไงล่ะ! ตกลงแกจะจีบเขารึไม่จีบ?!”

“แล้วแกจะสนใจทำไมนักหนาล่ะวะ ต่อให้ฉันกับเขาคบแล้วเลิกกันมันจะกระทบอะไรกับนายแล้วก็เรนนี่นักล่ะ” เควินถามอย่างหงุดหงิด

“ก็เรนนี่รักหลานเขามากนี่ ถ้าสมมติว่าพวกนายเลิกกันฉันก็กลัวเธอจะพาลโกรธฉันน่ะสิ” หนุ่มสิงคโปร์ตอบเสียงอ่อย

“เออ ๆ เฮ้อ...แต่ถ้าเด็กมันมาชอบฉันก่อนก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย ” หนุ่มผมน้ำตาลนอนมองเพดาน ยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าระเรื่อของดลเมื่อครู่ก่อนจะเข้าห้องไป

“ยังไงก็วานช่วยกัน ๆ พาดลให้ห่างจากเรนนี่หน่อยแล้วกันฉันจะได้มีเวลาทำคะแนนบ้าง”

“ได้ ว่าแต่เรื่องซื้อบ้านหลังนี้ว่ายังไง ใครจะเป็นคนถอย?” เควินถามถึงเหตุผลหลักที่พวกเขามาที่นี่

“เอ่อ...”

โปรแกรมเมอร์หนุ่มถอนหายใจ “ยังไม่ได้คุยกันสินะ”

“ก็เธอไม่สบายนี่จะให้ฉันยกเรื่องเครียด ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน” เจคแก้ตัว

“ยังไงก็ได้ เงินแกนี่”

“แกว่าฉันควรจะถอยหรือเปล่า...” เควินรู้ว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องบ้าน

“แต่แกวางแผนทุกอย่างไว้แล้วนี่”

ใช่...เมื่อรู้ว่ามาดามโรสคิดจะขายบ้านเขาก็เริ่มวางแผนจะปรับปรุงที่นี่ให้กลายเป็นร้านอาหารแบบสวนด้านหน้า สร้างห้องอาหารแยกตังหากส่วนที่นี่ก็จะทำเป็นบ้านพักเหมือนเดิมสำหรับนักศึกษาต่างชาติและสามารถมาช่วยทำงานพิเศษในร้านได้

“อืม”

“บางครั้งความรักกับธุรกิจก็ต้องแยกจากกันนะเจค แกลองปรึกษากับเรนนี่ดูอีกที บางทีอาจจะเป็นหุ้น
ส่วนกันก็ได้นะ” เควิน พยายามช่วยเพื่อนหาทางออก

“นั่นสินะ! เป็นหุ้นส่วนกันก็ได้นี่!”

“โอเค คิดได้ก็นอนกันเถอะ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมาดูโทรมเรนนี่อาจจะไม่ชอบแกขึ้นมาก็ได้นะ” เขาล้อ

“ไอ้เควิน!” หลังจากเสียงหัวเราะของเควินหยุดลงเจคก็เอ่ยขอบคุณเพื่อนเบาๆ

“ด้วยความยินดี” ทีนี้ก็ถึงตาฉันคิดเรื่องตัวเองบ้างล่ะนะ...หนุ่มอเมริกันคิดในใจ

ขึ้นไปข้างบน Go down
Maya

Maya


Registered : 16/04/2011
Posts : 31

Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue

พรรค<br> : [Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty

[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSat Apr 16, 2011 8:01 pm

วันรุ่งขึ้นเควินเป็นคนไปเคาะห้องปลุกดลที่นอนตื่นสายอีกครั้ง ภาพเมื่อวานเหมือนจะฉายซ้ำ อีกฝ่ายพึมพำอะไรบางอย่างเป็นภาษาไทย ผลุบหายเข้าไปก่อนจะออกมาด้วยแก้มเหมือนผลแอปเปิ้ลด้วยความร้อนจากน้ำร้อน กลิ่นตัวหอมๆทำให้ชายหนุ่มเดาว่าเกือบสิบนาทีที่อีกฝ่ายหายกลับไปคงไปอาบน้ำสินะ

“อรุณสวัสดิ์ครับ” ดลยิ้มเขินๆที่ตื่นสายต้องให้คนอื่นมาปลุกอีกแล้ว

“อรุณสวัสดิ์” ร่างสูงยิ้มตอบ

“วันนี้มีอะไรทานบ้างครับเนี่ย” นักศึกษาหนุ่มกระชับเสื้อหนาวตัวโคร่งที่ยืมมาจากพ่อให้กระชับ เอ่ย
ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“ก็มีขนมปังที่นายซื้อมาเมื่อวานแล้วก็ซุป แพนเค้กกับเบคอนน่ะ”

ดลอุทาน “เยอะจัง!”

“ปกติน่า” เควินหัวเราะ “กินเยอะๆจะได้โตไว ๆ รู้ไหมเจ้าหนู” เขายีหัวอีกฝ่ายเล่น

“ผมไม่ใช่เจ้าหนูนะ!” หนุ่มไทยหน้าบูด เอามือลูบ ๆ จัดผมให้กลับเป็นทรงเดิม

“แน่ใจ?”

“เด็กกว่าใครบางคนแต่ก็ไม่แก่แล้วกัน” ดลกล่าว ทำเอาเควินหมั่นไส้ล็อกคออีกฝ่ายมายีผมเล่นอีกรอบโดยไม่สนเสียงประท้วงโวยวายของหนุ่มผมดำสักนิด

ในจังหวะที่ดลกำลังบิดตัวหนีสุดแรงหนุ่มอเมริกันก็กำลังจะคลายวงแขนพอดี ผลคือหนุ่มไทยลงไปกองกับพื้นอย่างสวยงาม

“เป็นอะไรหรือเปล่า?!” เขาถาม รีบไปช่วยพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นแต่ดลกลับร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ

“ผมเจ็บที่เท้า” เขาร้อง น้ำตาเล็ด

เควินรีบเปิดประตูห้องของตนเองที่อยู่ใกล้ให้เปิดออกแล้วพยุงกันไปที่เตียง

“ท่าทางข้อเท้าจะแพลง” โปรแกรมเมอร์หนุ่มขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีเทาฉายแววขอโทษพร้อมๆกับที่เอ่ยออกมา

ดลร้องซี้ดเมื่อเควินตรวจข้อเท้าเขาเสร็จ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เควินพูดมาหมายถึงอะไร “ช่วยลองพยุงผมอีกทีได้ไหมครับเผื่อผมจะลงไปข้างล่างไหว?”

หนุ่มอเมริกันมองดวงหน้าที่เหยเกด้วยความเจ็บปวดและหยาดน้ำสีใสที่คลอในดวงตาสีนิลด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านแปลกๆขึ้นมา เขาอยากจะเห็นใบหน้าแบบนี้อีก...ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าฝืนยืนขึ้นต้องเจ็บแน่ๆแต่เขาก็ไม่ท้วงอะไร ดังคาดเมื่อดลลองยืนขึ้นก็ร้องออกมาทันที

“ท่าทางผมจะลงไปไม่ได้แล้วล่ะครับ รบกวนคุณลงไปบอกเรนนี่ให้ทีสิครับ” หนุ่มไทยกล่าว

“ได้สิ”

เมื่อออกมานอกห้องเขาก็ยกมือลูบหน้าตนเอง ไม่เคยเลยที่จะเกิดมีอารมณ์กับสีหน้าแบบนั้นกับใคร...นี่เขากลายเป็นซาดิสต์หรือไงนะ?

หญิงสาวได้ฟังว่าหลานชายล้มขาแพลงก็รีบวางช้อนส้อมขึ้นไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง

“เดินไม่ไหวเลยเหรอดล” เธอถาม สีหน้ากังวล

“ถ้าแค่นิดหน่อยก็คงพอไหวแต่ถ้าไกลๆคงไม่ได้แล้วล่ะครับน้าฝน”

“แล้วทำอีท่าไหนถึงล้มได้ล่ะเนี่ย?”

“ก็...สะดุดน่ะครับ” เขาไม่กล้าตอบหรอกว่าเพราะอะไร...

“ให้หมอมาดูไหมเรนนี่?” โรสขัดจังหวะสองน้าหลานที่กำลังคุยกันเป็นภาษาไทย

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็คงหาย” ดลรีบปฎิเสธอย่างเกรงใจ

“จะดีเหรอดล?” ฝนเอ่ย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเคยขาแพลงมาก่อนเดี๋ยวจะช่วยดูแลดลเอง อีกอย่าง...จริง ๆ เพราะผมเขาเลยล้มด้วย” เควินเอ่ยขึ้น

หนุ่มไทยอึกอักเมื่อเห็นสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยของน้าสาวจึงรีบเปลี่ยนประเด็น “เรนนี่ออกไป
เที่ยวกับเจคเถอะ ผมอยู่ได้”

“ใช่ ไม่ต้องเป็นห่วง” หนุ่มอเมริกันรีบส่งสายตาหาเพื่อนว่านี่เป็นโอกาสแล้วนะ

“มีเควินอยู่ทั้งคนเรนนี่ไม่ต้องเป็นห่วงดลเขาหรอก”

“ฉันเองก็อยู่ด้วย ไปเที่ยวเถอะจ้าเรนนี่” โรสช่วยอีกแรง สุดท้ายเจคและฝนจึงออกไปกันแค่สองคน
แล้วตกลงว่าจะสลับห้องระหว่างเจคและดลเพื่อที่เควินจะได้ดูแลคนเจ็บได้สะดวก ตอนแรกดลคัด
ค้านแต่เมื่อเห็นสายตาแสดงความเสียใจของอีกฝ่ายจริงๆเขาก็ใจอ่อนตอบตกลง

“อยากเติมอะไรก็บอกนะ” เควินเอ่ยขณะที่กำลังทานมื้อเช้ากันในห้องนอน หนุ่มไทยนั่งพิงผนังส่วน
ร่างสูงนั่งทานที่ขอบเตียง

“แค่นี้ก็อิ่มแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงๆเควินไปกับพวกเรนนี่ก็ได้นะครับ ผมอยู่คนเดียวได้จริงๆ”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันเต็มใจจะอยู่ดูแลนาย รึว่านายรังเกียจฉัน?”

เพราะพูดเร็วเกินไปทำให้ดลฟังไม่ออกต้องยิ้มแหยๆบอกว่าฟังไม่ทันพูดอีกทีได้หรือไม่ เควินถอน
หายใจเอ่ยทวนประโยคซ้ำอีกครั้ง เมื่อจับใจความได้นักศึกษาหนุ่มก็เบิกตากว้างรีบปฎิเสธอย่างละล่ำ
ละลักว่าไม่ได้รังเกียจหรือโกรธอีกฝ่ายเลยจริงๆ ชอบด้วยซ้ำก่อนจะหน้าแดงเถือกด้วยรู้สึกว่าเหมือน

ประโยคสารภาพรักชอบกล

“งั้นก็ไม่มีปัญหา” โปรแกรมเมอร์หนุ่มสรุป “เอาล่ะ ทีนี้นายอยากจะทำอะไรล่ะ?” เขาถามเมื่อขึ้นมา
จากเก็บถาดอาหาร

“เอ่อ...งั้นรบกวนคุณไปหยิบกระดานวาดรูปกับอุปกรณ์ในห้องให้หน่อยแล้วกันครับ” เพราะเขาเองก็

ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนี้เช่นกัน

“ได้สิ”

“ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะ?” ดลถาม รับกระดานไม้อัดสีน้ำตาลมาไว้ในมือ

“ฉันเอาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาน่ะ” เควินยิ้ม เขาดึงเก้าอี้มาวางไว้ใกล้ๆหน้าต่าง วางพาดขาบนเตียงนอน

หนุ่มไทยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่าง มือที่จับแผ่นดาษพลิกขึ้นเพื่อวาดภาพใหม่ ภายในห้องมีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษกรอบแกรบและเสียงวาดภาพแกรกๆเท่านั้น

แสงแดดของลอนดอนไม่จ้าเกินไปจนแสบตา อากาศอุ่นกำลังสบายไม่หนาวด้วยฮีตเตอร์ทำให้ทั้งสองไม่ใส่เสื้อหนาวหรือสเ วตเตอร์ใดๆ ดลมองภาพชายหนุ่มที่มีรูปร่างน่ามองใส่แว่นอ่านหนังสือท่าทางเกียจคร้านก่อนจะแปรเปลี่ยนความจำให้กลายเป็นภาพ ขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าสายตาของเควินนั้นก็เหลือบขึ้นมองตนเองเช่นกัน

ท่าทางตั้งอกตั้งใจวาดเสียเหลือเกินของหนุ่มไทยยังความเอ็นดูในใจของหนุ่มผมน้ำตาล พอนึกภาพริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เม้มแน่นนั่นจะเผยออกเพื่อต้อนรับเขาด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจแบบนี้แล้ว...

“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” จู่ๆนายแบบก็ลุกขึ้นทำเอาดลสะดุ้ง

“คะ ครับ”

เควินขยี้หัวตัวเอง...ไหนบอกกับเจคแล้วไงว่าจะให้เด็กมันชอบเอง!...ไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาก็
เกือบจะผิดสัญญากับเพื่อนเสียแล้ว เฮ้อ

“เควินๆ มาดูนี่สิ” ดลเงยหน้ายิ้มแย้มส่งให้ พอชายหนุ่มเดินเข้ามก็ยื่นกระดานให้ดูใกล้ๆ

“ฉันเหรอ?” ร่างสูงอึ้ง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะวาดเขาออกมา กระดาษแบ่งครึ่ง ซีกซ้ายคือใบหน้าเขาระยะ
ใกล้ส่วนซีกขวาคือภาพเขากำลังยืดขาอ่านหนังสือ


“เอ๋ คุณมีตรงนี้ด้วยนี่นา!” ดลอุทานชี้ที่ขี้แมลงวันบริเวณไรผม เขาชะโงกตัวเล็กน้อยเพื่อไปเติมจุดบนกระดาษให้สมจริงยิ่งขึ้น หากนั่นยิ่งทำให้พวกเขาใกล้ชิดกัน

เควินเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติ เมื่อใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมองส่งยิ้มหวานให้เขาก็อดใจที่จะจูบเบาๆไม่ได้ แม้
จะไม่ได้ดูดดื่มแต่ก็ไม่ได้ฉาบฉวยจนต้องเรียกว่าแค่ปากแตะกัน

“คะ เควิน!” ดลปิดปากกระถดตัวหนีหน้าแดงแจ๋

“ขอโทษ...ฉันอดใจไม่ไหวน่ะ...” ชายหนุ่มกล่าว ตบหน้าผากตัวเอง

...ไอ้บ้าเควินเอ๊ย!...เขาก่นด่าตนเองในใจ

“ทะ ทำไม ผะ ผมเป็นผู้ชายนะ!”

“ก็นั่นแหละปัญหาล่ะ” เควินพึมพำแต่ได้ยินถึงหูของดล

“คุณ...เป็นเกย์?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้านายรังเกียจฉันก็เข้าใจนะ” ร่างสูงเปิดเผยออกมา

ดลส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ เอ่อ คือ...”

“ดล ฉันว่านายเองก็รู้สึกเหมือนฉันใช่ไหม? อะไรบางอย่างระหว่างพวกเรา” เควินทิ้งคำสัญญาทิ้งไป

เขาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง นัยน์ตาสีควันบุหรี่เปล่งประกายจับจ้องไปที่ร่างสั่นเทาของคนเจ็บ

“ผะ ผม”

“บอกสิดล บอกว่านายไม่รู้สึกอะไรกับสัมผัสของฉันเลย” เขาไล้ปลายนิ้วแผ่วเบาบนริมฝีปากของ
หนุ่มไทย

ชายหนุ่มผมดำหน้าแดงก่ำ “มันไม่ดี”

“ไม่ดียังไง?”

“เราเพิ่งเจอกันเอง” ดลยกแขนกันใบหน้าตนเอง

“ฉันชอบนาย”

ประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้ดลลดแขนลง เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู “คะ คุณว่าอะไรนะ?”

“ฉันชอบนายและคิดว่าอีกไม่นานมันอาจจะกลายเป็นรักก็ได้”

“ทำไมล่ะ?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาเพิ่งจะเจอกันสองวันเองแท้ๆ

“ลองมาหาคำตอบกันในจูบนี้ไหมล่ะ?” เควินยิ้มรั้งเอวของดลไว้

“ คะ เควิน” นักศึกษาหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหลบตาคู่นั้นไปได้ เขาถามตัวเองในใจ

...ชอบเขาเหรอ?...งั้นเขาล่ะ ชอบเควินหรือไม่?...ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ริมฝีปากบางของเควินก็สัมผัสมาเสียก่อน ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดมา หนุ่มอเมริกันจุมพิตอย่างแผ่วเบา ละมุมละไมราวละเลียดชิมรสวิปครีม เมื่อละออกสบสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกเขาก็เอ่ยเสียงแหบพร่า

“อีกทีนะ” แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็ถูกดึงดูดเข้าหากันใหม่อีกครั้งเสมือนแม่เหล็กคนละขั้ว เควินพ
บว่าเขาไม่นึกอยากจะทำอะไรเลยนอกจากเฝ้าวนเวียนจูบอีกฝ่ายแบบนี้

ทางด้านของดลเองก็ราวกับกำลังเดินหลงทางท่องเที่ยวไปในดินแดนที่ไม่รู้จักมาก่อน เขาตอบสนอง
อีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสายิ่งปะทุห้วงอารมณ์ของเควินมากขึ้น

“ดล ดล” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างละเมอขณะเฝ้าแนบจุมพิตลงไป

“เควิน”

สองแขนประคองตัวให้หนุ่มไทยนอนราบลงกับเตียงขณะที่มือของดลก็เกี่ยวกระหวัดรอบคอของเควินไว้ หากในจังหวะนั้นเอง

“โอ๊ย!” ดลร้องออกมาเมื่อเผลอขยับข้อเท้าเต็มแรง

มนต์ขลังของจูบคลายลงทันที เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ดลก็รีบคลายแขนแล้วเอามือบังหน้าตัวเองอย่างเขินอาย

“อย่าปิดหน้าสิที่รัก ให้ฉันได้เห็นสีหน้าน่ารักของนายสิ” เควินประพรมจุมพิตเบาๆที่ข้อมือซึ่งโผล่พ้นเสื้อแขนยาวทั้งสองข้างก่อนจะใช้มือแยกออกเบาๆ

“ดล...คบกับฉันนะ”

“ครับ...” ไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้ชายหนุ่มตอบออกไปเช่นนั้นอย่างเผลอไผล อาจจะเป็นมนต์สะกดของสายตาคู่นี้ก็ได้

นัยน์ตาสีเทาพราวระยับด้วยความดีใจ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง “งั้นเรามาจูบฉลองเนื่องในโอกาสเป็นแฟนกันดีกว่า”

โดยไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของหนุ่มไทยเขาก็ก้มลงลิ้มลองปากจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจวบจนดลผลักอกเบาๆเป็นสัญญาณว่าให้หยุดได้แล้วนั่นแหละโปรแกรมเมอร์หนุ่มจึงหยุดด้วยความเสียดาย

“ผมหิวแล้ว” ดลรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่เควินจะได้กล่าวอะไร “จริง ๆ นะ คุณไม่หิวเหรอ” เขากล่าวรัวเร็วด้วยความเขินอาย

หนุ่มผมน้ำตาลยิ้ม เขารู้ว่าร่างข้างใต้คงจะหาเรื่องเบี่ยงเบนแก้เขินสินะ

“ได้สิดล” เขาผละลุกขึ้น

เมื่อเควินออกจากห้องไปดลก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบึ้มเกิดขึ้นในหัว

...เขาจูบกับเควินแล้วจริง ๆ!...ชายหนุ่มตะโกนในใจ ดลตัวน้อยวิ่งพล่านอย่างตื่นตระหนกไปทั่วใน
สมองของเขา

“นี่เรา...ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแบบนั้น?” ดลคราง

มือยกขึ้นไล้กลีบปากที่ยังเหลือสัมผัสจากร่างสูงอยู่ นี่ถ้าพวกเพื่อนสาวของเขาที่มหาลัยรู้เข้าคงกรี๊ด
กร๊าดกันใหญ่แน่

“เดี๋ยวสิดล แน่ใจนะว่าเขาไม่ได้เล่น ๆ กับแก” เขาพึมพำอย่างนึกขึ้นได้ พวกเขาจะได้เจอกันอีกแค่
อาทิตย์ครึ่งแล้วหลังจากนั้นล่ะ? รักระยะไกลหรือ? หรือว่าจะจบลงที่สนามบินเลย?

ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้านกับความคิดที่ว่าอีกฝ่ายแค่เล่นๆกับตัวเอง เหมือนเลือดในกายเย็น
เฉียบกับความรู้สึกที่ตอกย้ำว่าคนหน้าตาดีแบบเควินนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแฟนที่อเมริกา

“มาแล้ว ๆ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าเล่นๆก็ยกถาดอาหารขึ้นมาพอดี ร่างสูงสะดุ้งกับสายตาตัดพ้อต่อว่าของดลที่ส่งมา เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ?

“เป็นอะไรไปดล?” แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อร่างของคนตรงหน้าเบี่ยงหลบมือที่กำลังจะแตะบ่า เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“ขอบคุณครับ” ดลรับถาดอาหารของตนเองมาวางไว้ก่อนจะเริ่มทานแซนด์วิชเย็นชืดเงียบ ๆ

เควินปลอบใจตนเองว่าคงจะหิวมากกระมังจึงนั่งลงที่ขอบเตียงกินส่วนของตนเช่นกัน ทว่าตลอดการ
กินแม้เขาจะเพียรชวนคุยแค่ไหนก็ได้มาเพียงการถามห้าคำตอบหนึ่งคำเท่านั้น

“กลับมาแล้วจ้า อ้าวกำลังกินแซนด์วิชกันอยู่เหรอ” ฝนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเปิดประตูเข้ามา
อย่างร่าเริง “น้าซื้อเค้กมาฝากล่ะดล อ๊ะส่วนของเควินก็มีนะคะ”

“ขอบคุณครับเรนนี่ ไปข้างนอกสนุกไหมครับ” ดลพยายามรั้งน้าสาวไว้ให้อยู่คุยด้วยกัน เขาเองก็ชอบบรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่เช่นกันแต่จะให้แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรก็ไม่ได้

ไม่นานเจคก็เข้ามาสมทบทำให้เควินไม่มีโอกาสอยู่ตามลำพังกับแฟนคนใหม่อีกเลย เขาพยายามนึกว่าเพราะเหตุใดจู่ ๆ ดลก็เกิดท่าทีตัดพ้อหมางเมินแบบนั้นได้ สุดท้ายเขาก็ดึงตัวเพื่อนไปปรึกษาในสวน

“ไหนแกบอกจะไม่จีบเขาไงวะ” เจคโวยวาย

“เออน่า แกมาช่วยคิดก่อนแล้วบ่นทีหลัง”

“น้องเขาเพิ่งสำนึกมั้งว่าไม่ใช่เกย์แบบแก” หนุ่มสิงคโปร์เดา

“แต่ดลเขาจูบตอบฉันนะ” เควินค้าน

“ไม่รู้โว้ย!”

“วะ! ช่วยกันคิดหน่อยเซ่!”

“แค่เรื่องเรนนี่กับบ้านฉันก็จะประสาทกินไม่เหลือเซลล์สมองช่วยแล้วเฟ้ย!”

“ก็รีบ ๆ สารภาพรักหรือทำอะไรสักอย่างเซ่จะได้มีมาช่วยฉันคิด!”

“ไอ้!...” เจคไม่รู้จะด่าเพื่อนยังไงดี เขาถอนหายใจเฮือก “คนนี้แกจริงจังสินะ...” ไม่งั้นคงไม่มา
โวยวายหลุดประโยคน่าขันแบบเมื่อกี้มาหรอก

“เออ...” หนุ่มอเมริกันยอมรับ

“ถ้างั้นจะทำอะไรก็รีบซะเพราะว่าวันนี้มีโทรศัพท์จากไทยโทรมาหาเรนนี่ว่าน้องสาวของเธอจะแต่งงานให้รีบกลับไป พวกเขาอาจจะอยู่ไม่ครบกำหนดกลับก่อนพวกเราเสียอีก”

“ว่าไงนะ?!” เควินอึ้ง นิ่งงันไป

หนุ่มผมดำตบบ่าเพื่อน “ฉันจะพยายามดึงตัวเรนนี่ให้ออกไปกับฉันพรุ่งนี้แล้วกัน ส่วนคืนนี้ก็เคลียร์กันดี ๆ ล่ะ”

“ขอบใจ” แล้วเจคก็เดินเข้าไปในบ้านทิ้งให้อีกฝ่ายยืนครุ่นคิดคนเดียวในยามราตรี


เสียงประตูทำให้ดลที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง หันขวับไปมองนัยน์ตาของทั้งสองประสานกันหากหนุ่มไทยเป็นฝ่ายหลบตาก่อน

“ถ้าอยากเข้าห้องน้ำหรืออยากได้อะไรก็บอกฉันนะดล” เควินเอ่ยขึ้น

“เมื่อกี้เจคเข้ามาขนของไปแล้ว...” ส่วนข้าวของของเขานั้นเควินช่วยเอามาให้ตั้งแต่บ่ายแล้ว ใน
ตอนแรกเขาก็อยากจะกลับไปนอนคนเดียวแต่น้าสาวไม่อนุญาตจึงต้องจำใจอยู่กับหนุ่มอเมริกันคืนนี้

“เหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะเคลียร์ทุกอย่าง “ทำไมจู่ ๆ นายก็เปลี่ยนไป”
ดลนิ่ง เขาแปลออก

“ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเรายังจูบ มีความสุข ตกลงเป็นแฟนกันอยู่เลยแท้ ๆ” เควินตัดพ้อ

“ผมไม่ใช่ของเล่น” หนุ่มไทยเอ่ยขึ้น

“เอ๋?”

“ผมไม่ต้องการเป็นของเล่นให้ใครนะเควิน” ดวงตาสีนิลเงยขึ้นสบตา “ถ้าคุณคิดจะขอคบกันผมเพื่อ
แก้เหงาในอังกฤษนี้เท่านั้นผมต้องขอปฎิเสธ”

...เจ้าเควินน่ะมันเลิกกับแฟนเก่าเป็นโสดมาหลายเดือนแล้ว...

...มันจริงจังกับนายนะดล...
...ให้โอกาสมันเถอะนะ...

เสียงของเจคเมื่อครู่เข้ามาในหัวของหนุ่มไทย

“ฉันไม่เคยขอคบใครเล่น ๆ” เควินสวนทันควัน “และกับนายฉันก็จริงจัง”

“ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งเจอกันได้สองวันเนี่ยนะเควิน?” ดลย้อน

“แต่ฉันชอบนายจริง ๆ นะดล” โปรแกรมเมอร์หนุ่มหยิบช่อดอกไม้สีม่วงที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา เขาต้องเดินออกไปเคาะประตูร้านดอกไม้ตื๊อแทบตายกว่าจะยอมทำให้...

“Cupid dart?” หนุ่มไทยพึมพำ

“ความหมายของมันคือสิ่งนี้...” เควินหยิบการ์ดจากกระเป๋าเสียบในช่อดอกไม้ยื่นให้ เขาวานให้เรนนี่ช่วยแปลเป็นภาษาไทยแล้วเขียนลงบนการ์ดด้วยตนเอง

“ลูกศรที่ถูกยิงออกไปสินะ...” ดลเอ่ยเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ด้านล่างของการ์ดยังมีตัวการ์ตูนแบบ
ไม้ขีดไฟง่าย ๆ อยู่ เป็นรูปคนสองคนยืนอยู่ เบื้องหลังของตัวหนึ่งมีไม้ขีดไฟเล็ก ๆ อ้วน ๆ มีปีกยิงศร
ปักอกเขาแล้วส่งสายตารูปหัวใจไปหาใครอีกคนที่ยืนถือกระดานวาดรูปกับดินสออยู่

“ฉันกับนายอย่างไรล่ะ” หนุ่มอเมริกันเอ่ยขึ้น “บอกแล้วว่าฉันวาดรูปห่วย...”

“ไม่หรอกมันน่ารักมากเลยครับ” เขาตอบ เงยหน้าส่งยิ้มให้ทำเอาเควินเกือบจะโน้มตัวลงจูบถ้าดลไม่ยกช่อดอกไม้ขึ้นมาบังไว้ก่อน “หยุดเลย คุณยังต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าไม่หลอกผมจริง”

“ต้องให้ฉันพิสูจน์ยังไงนายถึงจะเชื่อล่ะ?” ชายหนุ่มถาม

“อย่าแตะต้องผมระหว่างที่เราอยู่ที่นี่”

“หา?”

“ถ้าคุณไม่ได้เล่น ๆ กับผมก็ต้องอดทนไม่แตะตัวผมได้” ดลกล่าว

“จับมือได้ไหม?” เขาถามด้วยสายตาเว้าวอน

“นั่น...ได้” นักศึกษาหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม

“โอบบ่า?”

“ได้...”

“อุ้ม?”

“คุณจะอุ้มผมทำไมล่ะ!” หนุ่มไทยหน้าแดง “สรุปว่าตกลงไหม?!”

“ก็เผื่อไว้ก่อน...” เควินบ่นอุบอิบ “ตกลง”

“ดีครับ” นัยน์ตาสีนิลฉายแววพึงพอใจขึ้น

“ตกลงว่าตอนนี้เธอตกลงเป็นแฟนฉันจริง ๆ แล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มถามเสียงหวาน ยกมือของดลขึ้น
จุมพิตเบาๆ

“อะ อื้ม” ดวงหน้าล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำระเรื่อ

...หวังว่าเขาจะคิดถูกนะที่ให้โอกาสเควิน...

“งั้นขอจูบมัดจำก่อนแล้วกัน” จบประโยคร่างสูงก็แนบริมฝีปากลงมาทันที เป็นจูบที่ทำเอาร่างทั้งร่าง
ของหนุ่มไทยสะท้านด้วยความรู้สึกจนแทบจะละลาย

“คะ คนโกหก” ดลหอบหายใจหลังจากที่เป็นอิสระ

“ก็ดลไม่ได้บอกนี้ว่าเริ่มเมื่อไหร่” โปรแกรมเมอร์หนุ่มตอบหน้าตาเฉยก่อนจะทอดเสียงอ่อน “ไม่ต้อง
ห่วง ฉันล้อเล่น รับรองว่าต่อไปนี้จะรักษาสัญญาครับที่รัก”

หัวใจของหนุ่มไทยเต้นรัวเมื่อได้ยินประโยคอ่อนหวานและนัยน์ตาสีควันบุหรี่ที่เชื่อมมองเขาราวกับจะกลืนกิน

“สัญญานะ...”

“สัญญา” เควินรั้งร่างของดลเข้ามากอดแล้วจุมพิตที่หน้าผากเบา ๆ “ฉันจะลองไปหางานในบริษัทที่
ไทยดูนะ”

“เอ๋?!”

“ทีนี้ฉันจะได้อยู่ในสายตานายไง” เขาขยิบตาให้

ดลหน้าแดงแต่ก็ดีใจที่อีกฝ่ายคิดจะทำขนาดนี้เพื่อตนเอง

“อืม” เขากอดตอบ พิงศีรษะบนบ่าของหนุ่มผมน้ำตาล

...อดทนไว้เควิน อีกไม่นาน ๆ ...ด้านหนุ่มอเมริกันก็สะกดจิตตนเองไม่ให้เผลอไผลไปกับสัมผัสและ
กลิ่นหอมจากกายของร่างในอ้อมแขน

ลอบเลียริมฝีปากเมื่อนึกถึงภาพของดลที่จะนอนเปลือยกายกรีดร้องอยู่ใต้ร่างของเขา ฝ่ามือหนาลูบ
หลังของหนุ่มไทยเบาๆจินตนาการถึงผิวที่คงจะเรียบลื่นหอมกรุ่นไม่แพ้ซอกคอขาวที่เขาซุกซบอยู่
ตอนนี้

...อีกไม่นานเควินอีกไม่นาน...ก่อนหน้าที่จะเข้ามาคุยกับดลนั้นเขาได้แวะไปหาฝนแล้วถามถึง
กำหนดการของพวกเธอว่าจะเป็นอย่างไร ได้ความว่าอีกสองวันพวกเธอจะต้องกลับไทยเพราะที่บ้าน
จะมีงานมงคลขึ้น ส่วนเรื่องบ้านนั้นเธอตัดสินใจตกลงเป็นหุ้นส่วนบ้านพักกับเจคแน่นอนหากเรื่อง
ร้านอาหารนั้นต้องคุยกันอีกที

เควินนึกยินดีกับเพื่อนในใจเพราะนั่นหมายถึงเจคจะได้มีโอกาสหาเรื่องไปหาฝนได้บ่อยๆ

แน่นอนว่าดลยังไม่รู้หรอกว่าขากลับนั้นจะมีเขากลับไปด้วยและยังจะไปค้างห้องของตนเองในฐานะแขกที่ฝนเป็นผู้เชิญอีกด้วย...

“ฉันสัญญาดล” เควินพึมพำ

...แล้วหลังจากนั้นฉันจะให้นายได้รู้ว่าพวกเราเกิดมาคู่กันจนกระทั่งนายเป็นฝ่ายวิงวอนขอคำยืนยันจากฉันจนสะอื้นตัวแดงเลยล่ะ...

The EnD

----------------------------------------------------------------------

ก็ธีมมันหื่นเควินมันเลยต้องหื่นให้เข้ากับธีมมายะไม่เกี่ยวนะ...

ตอนแรกที่เขียนนี่แบบ สุภาพบุรุษขรึมๆหวานๆกลายเป็นตาหื่นไปเสียอย่างนั้น orz

เรื่องนี้เขียนเพื่อเอาลงรวมเรื่องสั้น No limit กับอีกบอร์ดธีม รักร้อนซ่อนเร้นน่ะค่ะ แต่เห็นว่าไม่พอเลยเขียนอีกเรื่องส่งไปแทน 55+

มุขบางมุขมันอาจจะดูแป้กๆหน่อยนะคะเผอิญมายะเป็นคนที่ถ้าพยายามจะเขียนให้ฮาทีไรมันจะออกมาแบบนี้ทุกทีสิน่า T-T

หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ


แก้ไขล่าสุดโดย Maya เมื่อ Sat Apr 16, 2011 8:11 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
Urielh

Urielh


Registered : 05/02/2010
Posts : 189

สถานะ : โช๊ะเช๊ะ! :D
Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue


[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSat Apr 16, 2011 8:08 pm

อั๊ยยยย เควิน หนุ่มตาสีเงินด้วยค่ะ ชอบบบบ *ฟืดฟาด*
ภาษาสวยค่ะ อ่านแล้วลื่นสบายดี ;v;
ดลเป็นเคะที่น่ารักมากกก ฮ่าๆๆ สู้ๆนะคะ รอติดตามผลงานอยู่เรื่อยๆ ยิ้ม
PS.ส่วนตัวชอบรูปวาดของเควิน ฮาา Cupid dart ธีมเนื้อหาน่ารักค่ะ ชอบๆ หัวใจ
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://urielh.exteen.com
Maya

Maya


Registered : 16/04/2011
Posts : 31

Fame Gauge :
[Short fic] Cupid dart (yaoi) Left_bar_bleue10 / 99910 / 999[Short fic] Cupid dart (yaoi) Right_bar_bleue

พรรค<br> : [Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty

[Short fic] Cupid dart (yaoi) Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: [Short fic] Cupid dart (yaoi)   [Short fic] Cupid dart (yaoi) Icon_minitimeSun Apr 24, 2011 12:22 pm

รูปวาดของเควิน...*เลื่อนกลับไปอ่านเพราะลืมแล้ว55+*

อ๋อ ไม้ขีดไฟนี่เอง ตอนแต่งนี่คิดว่าคนที่วาดรูปไม่เก่งก็ต้องจบลงด้วยตัวไม้ขีดไฟนี่แหละค่ะ 555+

โดยส่วนตัวพี่ชอบตาแนวสีเงินสีเทามากเลย รู้สึกมันดูน่าเคลิ้มยิ่งกว่าสีดำเสียอีก ><

ขึ้นไปข้างบน Go down
 
[Short fic] Cupid dart (yaoi)
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» [short fic] If only... (yaoi)

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
NAMELESS! :: สถานที่สำคัญในเมือง :: ลำนำแห่งห้วงธาราเซเรน-
ไปที่: