If only...
หยาดน้ำตาไหลหลั่งจากดวงตาสีเขียวอาบแก้มของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบผู้กล้าที่พิชิตศัตรูพ่าย ทุกผู้กล่าวขนานนามของเขาเฉกเช่นเทพแห่งความตายแต่บัดนี้กลับถูกเอ่ยด้วยความรักอาวรณ์จากผู้ที่เขาไม่สมควรจะแตะต้องที่สุด
“อย่าเสียใจเพราะข้าเลย...”บุรุษผู้อยู่ในอาภรณ์ขาวเฉกนักบวชแย้มยิ้ม นัยน์ตาคู่งามมิเคยยลสิ่งใดในโลกหากเขาล่วงรู้ทุกสิ่งผ่านสิ่งอื่น รวมถึงจิตใจที่แท้จริงของนักรบหนุ่มตรงหน้า
“ท่านจะไม่ให้ข้าเสียใจ? ท่านเอ่ยวาจาโหดร้ายเช่นนี้ออกมาได้เยี่ยงไร!”คำรามกึกก้อง นัยน์ตาวาววาบด้วยความโกรธ สับสน หึงหวงและห่วงหา
“มิใช่ความผิดของท่านที่ข้าถูกเลือกนี่”มือขาวเอื้อมไปข้างหน้าหมายจะปลอบประโลมหากถูกมือแกร่งคว้ากระชากจนซวนเซซบแผ่นอกหนา
นักรบหนุ่มโอบกอดร่างบางไว้เป็นครั้งแรกอย่างที่ได้แต่นึกฝัน
“ข้าไม่ได้ปล่อยท่านเพื่อให้ท่านตาย”หากวันนั้น...เขายังคงกักขังอีกฝ่ายไว้ องค์เหนือหัวคงไม่ทอดพระเนตรเห็น
“ท่านไม่เคยกอดข้าเลย”ร่างในชุดขาวพึมพำ สัมผัสตอบอย่างเต็มใจ “ข้านึกว่าท่านรังเกียจข้า...”
“หากรังเกียจบางทีท่านอาจจะรอด...หนีไปกับข้าเถอะ”
นักบวชตาบอดหัวเราะ “ท่านผู้กล้าชักชวนให้ข้าทรยศองค์เหนือหัวของตนเองอย่างนั้นหรือ? ข้ารับแต่ความหวังดีของท่านเท่านั้นพอ...ไปเถอะก่อนที่ผู้คุมจะลงมาตามและได้ยินเข้า”
“ข้าไม่สนใจ หากได้ถูกฝังเคียงข้างท่าน ยามความตายมาเยือนได้รับรู้ว่าข้าไม่ต้องจากไปอย่างเดียวดายก็เพียงพอแล้ว”
“แล้วบรรดาข้าทาสของท่านเล่า? ท่านจะปล่อยให้พวกเขาถูกเอาเปรียบเช่นนี้ร่ำไปหรือ? ท่านก็รู้ดีแก่ใจว่าหากไม้ใหญ่เช่นท่านล้มลงบรรดาสรรพสิ่งที่พึ่งพิงท่านก็จักดับสูญไปด้วย”
บุรุษผิวสีทองแดงกัดฟันแน่น ทุกอย่างที่ถูกเอื้อนเอ่ยล้วนเป็นความจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้หากเขาก็ไม่อาจปล่อยร่างในอ้อมแขนไปได้เช่นกัน
“ความตายไม่น่ากลัวเลยหากสิ่งที่น่ากลัวคือความรู้สึกยึดติดเช่นนี้ตังหากเล่า”นักบวชหนุ่มกล่าว ดันกายออกเงยหน้าเพื่อกล่าวกับอีกฝ่ายแม้จะมองไม่เห็น
“ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดเจ็บปวดเพราะข้า หากท่านเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่อาจตายตาหลับ....ได้โปรดสัญญากับข้าว่าท่านจะตายอย่างสมเกียรติ”
ตายอย่างสมเกียรติ...หากเดียวดายยิ่งนัก จะมีผู้ใดพบร่างกายที่ไร้วิญญาณนี้ จะมีผู้ใดเคียงข้างยามต้องจากโลกนี้ไป จะมีผู้ใด...เรียกขานนามนี้ด้วยความเศร้าโศกอาวรณ์กันเล่า...
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเวลาที่มีกำลังจะหมดแล้ว ร่างในชุดขาวเร่งให้สัญญา
“ได้โปรด...”
“ข้า...สัญญา ข้าจะตายอย่างสมเกียรติ”คำสัญญาถูกเอ่ยออกมาอย่างยากเย็นก่อนที่นักรบหนุ่มจะทำสิ่งสุดท้ายที่เขาปรารถนาจะทำมาตลอดครั้งพบกับร่างบริสุทธิ์นี้คราแรก
สัมผัสรสชาติของกันและกัน ลึกจนถึงจิตวิญญาณ ไม่ต้องมีคำพูดใดๆเพราะการกระทำบ่งบอกจนหมด...รัก...รักหมดหัวใจ...
เหลือเพียงเสียงหอบหายใจกับอ้อมกอดที่กระชับราวกับจะซึมซับความรู้สึกนี้เป็นครั้งสุดท้าย ในที่สุดหยาดน้ำตาก็กลั่นออกมาจากดวงตาที่มิอาจยลสิ่งใดแต่กลับสะท้อนความรู้สึกออกมาจนหมด
“ไปเถิด...”ร่างบางเอ่ยขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าหยุดลง เขาปาดน้ำตาออกแล้วฝืนยิ้ม “โปรดรักษาสัญญา...วันที่ท่านจะมาหาข้า...ข้าจะไปรับท่านด้วยตนเอง...”นิ่งเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อนักรบหนุ่มอย่างอ่อนหวานที่สุดพร้อมรอยยิ้มดังเช่นวันวานอันแสนสุข
ร่างสูงยกมือหมายจะสัมผัสแต่ก็ได้แต่หักใจสะบัดเสื้อคลุมจากไป ทิ้งท้ายแต่เพียงว่า
“ด้วยเกียรติแห่งนักรบ ข้าสัญญา...!”
วันต่อมาลานกว้างถูกเปลี่ยนเป็นลานประหารที่มีกองฟืนถูกสุมอยู่ด้วยเหตุว่าร่างบางเป็นนักบวชผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงต้องจากไปโดยใช้พระเพลิงชำระมลทินจากกายหยาบให้สิ้น
ร่างในชุดขาวได้รับการอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีขาวหยาบๆหากสะอาดกว่าชุดนักบวชที่ติดตัวนัก เขายืนนิ่งรอเวลาใจกระหวัดถึงบุคคลต่างๆที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตและหยุดที่ร่างสูงผู้เป็นดั่งดวงใจของเขา
“หากชาติหน้ามีจริงขอให้ข้าได้พบกับท่านอีกเถิด...”และในฐานะมิตรมิใช่อริเช่นนี้...
หัวหน้านักบวชผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศศัตรูมิอาจไว้ชีวิตได้...นั่นเป็นความจริงที่เขาทั้งสองต่างหลีกเลี่ยงกันตลอดมา
“จุดไฟ!”พลันเขาสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่เริ่มแผดเผาจนกลายเป็นไฟกองใหญ่ เขาหายใจเข้าลึกๆข่มความรู้สึกกลัวที่แล่นปราดขึ้นมา...แม้ตายก็ขอตายอย่างสมเกียรติ...
มิมีผู้ใดโห่ร้องหรือเอ่ยขัดจังหวะออกมาเมื่อร่างในชุดขาวค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงสู่พระเพลิงเบื้องหน้า บ้างก็เบือนหน้าหนีอย่างไม่อาจทนดูได้ บ้างก็หลับตาเพื่อไว้อาลัยให้ร่างบาง บ้างก็มองอย่างสะใจที่หัวหน้าศัตรูจะตายไปเสียที
หากจู่ๆร่างในชุดนักรบก็ก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะจับมือของร่างบาง
“นั่นมัน!”เสียงผู้คนอุทานเมื่อบุรุษมาใหม่คือผู้ถูกเรียกขานว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความตายของพวกเขานั่นเอง
“ท่านมาทำไม?”แม้จะถามเช่นนั้นหากนักบวชหนุ่มก็ไม่สะบัดหนีจากความอบอุ่นที่มือ
“ข้ามารับความตายอย่างสมเกียรติเฉกเช่นที่ข้าสัญญาไว้กับเจ้า”น้ำเสียงทุ้มเอ่ย “ข้าเป็นนักรบ...การได้ตายพร้อมแลกชีวิตกับหัวหน้าฝ่ายศัตรูคือการตายอันสมเกียรติแล้ว”
เสียงตวาดร้องห้ามของบุรุษผู้เป็นองค์เหนือหัวไม่อาจหยุดยั้งคนทั้งสองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะขวางไว้ทัน พระเพลิงแผดเผาร่างทั้งสองชำระมลทินจากกายหยาบจนสิ้น มิมีเสียงกรีดร้องใดๆจากทั้งคู่สิ่งที่หลงเหลือการประหารครั้งนี้คือร่างที่กำลังโอบกอดกันและกันเท่านั้น....
The end
---------------------------------
ไปอ่านฟิคอเล็กซานเดอร์ของคุณภัคDใหม่อีกรอบแล้วอารมณ์อยากแต่งแนวดราม่ายุโรปมันวูบขึ้นมาเลยค่ะ
เนื่องจากอยากแต่งประวัติศาสตร์แต่ไม่รู้ประวัติศาสตร์จึงไม่มีการใส่ชื่อตัวละครค่ะเพื่อให้จินตนาการกันได้เต็มที่
พล็อตคือพระเอกเป็นนายทัพส่วนนายเอกคือหัวหน้านักบวชฝ่ายศัตรูที่ไปจับได้พอดี
พระเอกหลงเสน่ห์ขังนายเอกไว้เผื่อไม่ให้ใครรู้ว่าจับศัตรูมาได้ พอคิดจะตัดใจปล่อยก็ดันเป้นวันเดียวกับที่กษัตริย์แวะมาหาพอดีความเลยแตก
โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบความรักที่ดูบริสุทธิ์แบบนี้ดี
เชิญติชมได้เต็มที่ค่ะยกเว้นบอกว่าสั้นเกินแต่งเพิ่มเถอะเพราะข้าพเจ้าคงมิมีปัญญายืดเรื่องทั้งๆที่รู้ว่ามันจะจบดราม่าแบบนี้ได้ค่ะ
ถ้ารีอย่างมากก็มีฉากย้อนอดีตนิดๆหน่อยด้วย ;p อย่างที่จั่วหัวไว้ค่ะ...อารมณ์มันพาไป นี่ก็2หน้าเอสี่น้า~