NAMELESS!
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.



 
บ้านLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 The Final Sanguinary

Go down 
5 posters
ไปที่หน้า : 1, 2  Next
ผู้ตั้งข้อความ
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Oct 07, 2008 11:47 am

เอิ่ม...ภาพวาดยังไม่โพส กะวาดมัสคอตให้เสร็จแล้วค่อยโพส
เลยมาลงนิยายก่อน ~
จะว่าไปที่บอร์ดเก่าก็มิเคยลงเลยอ่าเนอะ - -a

The Final Sanguinary
[Intro – To you…]




...เฝ้าตามหามานานแสนนาน เธออยู่ ณ แห่งหนใดกัน ?
...เธอคนนั้นคือใครกัน ?
...แล้วฉันคือใครกัน ?

...ที่ตรงกลางความฝันอันมืดมิด มีแสงสว่างสีขาวเพียงริบหรี่ส่งมอบความอบอุ่นให้แผ่ขยายกว้างออกไปอยู่ ณ ที่นั้นมีเธออยู่
ฉันรู้ดีว่าเธออยู่ตรงนั้น เฝ้ารอคนที่ใช่ ผ่านคืนวันอันหนาวเหน็บและร้อนระอุ ดวงตาคู่ที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ของเธอนั้นช่างอ้างว้างและยากจะหาสิ่งสวยงามใดมาเปรียบ

ฉันรู้ดีว่าเธอนั้นเหงา เพราะฉันก็รู้สึกได้เช่นนั้น...

ฉันเองก็ไม่ได้ต่างกับเธอ ไม่ได้แตกต่างกันมาก... เท่าไหร่นัก...

หรือบางทีฉันอาจจะคิดไป เพ้อฝันไปคนเดียว ?

...ตอนนี้ฉันรู้ดีว่าเธออยู่ตรงนั้น แต่ฉันไม่สามารถจับต้องเธอได้ ไม่สามารถไขว่คว้าเธอมาไว้ครอบครอง ไม่สามารถได้รับพรอันสูงสุดที่เธอจะมอบให้
ฉันรู้ดีว่าเธออยู่ตรงนั้น เพราะฉันเฝ้ามองเธอมานานแสนนาน แต่ใจเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น เธอไปอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน แล้วฉันจะสามารถพบเธอได้ที่ไหน

...ความปรารถนาของฉันเหลือเพียงอย่างเดียว

ได้โปรด...
เลือกฉันเถอะ

มองมาที่ฉันเถอะ
มองมาที่ฉันด้วยสายตาของเธอจะได้สะท้อนภาพใบหน้าของฉันเข้าไปด้วย แม้สักครั้งก็ยังดี

มองมาที่ฉันเถอะ...!

>< +++ >< +++ ><

...ข้าอาศัยอยู่ในแสงจันทรา
...มีเรือนผมสีมืดมิดดั่งท้องนภายามรัตติกาล
...มีดวงตาที่ดุดันและมีความปรารถนาอันร้ายกาจพุ่งโชติช่วงในดวงตาที่เหมือนไฟอเวจี
...ผู้คนต่างขนานนามให้แก่ข้าว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดยิ่งกว่าผู้ใด



>< +++ >< +++ ><
จบตอนแรก ต่อตอนสองเลยละกัน ^^
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Oct 07, 2008 11:50 am

The Final Sanguinary
[บทที่ 1 – Assign]


เช้ง !

คมดาบปะทะเข้ากันกับคมดาบเกิดเป็นประกายไฟสีดำกับสีขาวตัดกันกลางอากาศ เสียงเสียดสีระหว่างแรงปะทะนั้นส่งเสียงอื้ออึงไปทั่วอาณาบริเวณ ไม่นานนักร่างใหญ่กว่าที่ดูเหมือนจะได้เปรียบนั้นกลับเริ่มอ่อนแรงและดาบใหญ่ในมือก็ถูกปัดออกด้วยฝีมืออันเฉียบคมกว่าของคู่ต่อสู้

"นี่น่ะรึนักดาบผู้ยิ่งใหญ่แห่ง จักรวรรดิ ไพเรทไชน์ แห่งนี้ ไม่มีคนเก่งมากกว่านี้แล้วรึไง" คู่ต่อสู้ร่างเล็กกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังและทรงอำนาจ พลางชี้ปลายดาบเข้าจ่อคอของคู่ต่อสู้ เรือนผมสีดำดั่งรัตติกาลนั้นโบกสะบัดตามสายลมราวกับเป็นผู้สูงกว่า และดวงตาคู่เรียวสีแดงเพลิงนั้นก็จ้องมองผู้แพ้อย่างเย้ยหยัน

"เชอะ ถึงแม้ว่าข้าจะแพ้จริงตามที่เจ้าพูด แต่เจ้าจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่แห่งนี้ได้หรอก..." ชายร่างใหญ่พูด ดวงตาที่ดูหยาบกร้านของเขาหรี่ลงแสดงถึงความคิดอันชั่วร้าย เด็กชายที่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจึงหันไปมองรอบกายและพบว่าเขาตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว เมื่อพบว่ารอบกายเขานั้นมีแต่คนที่ถูกเขามองข้ามและไม่ต้องการสู้ด้วยยืนถืออาวุธกันอยู่

"ว่าไง เจ้าหนู คนจำนวนแค่นี้หวังว่าเจ้าคงจะสามารถล้มได้นะ หรือว่าที่เจ้าอ้างตนว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดที่สุดอย่างที่เขาว่านั้นไม่จริง"

เด็กชายไม่ตอบ เรื่องราวเกี่ยวกับนักฆ่าที่มีชื่อเสียงและน่าสะพรึงที่สุดนั้นเกิดขึ้นมีสองปีก่อนและจบลงในปีเดียวกัน แทบจะไม่มีใครรู้ว่านักฆ่าคนนั้นมีหน้าตาและรูปร่างแบบไหนรวมทั้งอาวุธเช่นไร แต่ที่แน่ ๆ คือเขาจะมีเรือนผมสีดำ และดวงตาดั่งกับเพลิงนรกสีแดง แต่นั่นก็ยังไม่ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์สำหรับที่บุคคลทั่วไปจะมองเอาในปัจจุบันนี้

"หึ นี่น่ะรึที่อ้างตนว่าเป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดินี้ ดูท่าว่าข้าคงจะต้องไปเช็คสายตาเสียใหม่แล้ว เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่ดาบบิ่นที่แม้แต่จะฟันไม้ยังต้องใช้เวลานานมากกว่าวันหนึ่งเท่านั้นเอง"

"หนอย แก ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ! คิดว่าแกพูดอย่างนี้แล้วจะรอดรึไง !"

"คิดสิ... ถ้าหัวหน้าฝีมืออย่างนี้ ลูกน้องก็คงไม่เอาไหน" เด็กอวดดีกล่าวแล้วควงดาบขนาดใหญ่ด้วยมือทั้งสองข้างราวกับหยั่งเชิง เพราะดาบนั้นก็หนักมากพอดู แปลได้ว่าผู้ที่จะถือได้นั้นจะต้องมีพละกำลังมากขึ้นตามน้ำหนักของดาบเสียด้วย

เด็กชายร่างเล็ก ผู้มีเรือนผมสีดำและดวงตาสีแดงและอ้างตนว่าเป็นนักฆ่าที่เหี้ยมโหดที่สุดยิ้มอย่างท้าทาย คิวโก่งเรียวนั้นยักขึ้นทำให้ผู้เห็นรู้สึกอยากถีบคนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กก็ตาม

"เข้ามาพร้อม ๆ กันเลย ข้านักฆ่าผู้ที่โหดเหี้ยมที่สุดคนนี้แหละจะจัดการตัดวิญญาณให้ออกจากกายเนื้อพวกเจ้าเอง !" สิ้นเสียงประกาศก้อง ร่างของเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีก็กระโจนเข้าใส่เด็กหนุ่ม

เด็กชายยังคงยิ้ม และ !

ปลายมีดคมหลายสิบเล่มเฉือนตวัดตรงพุ่งเข้าหมายจะเอาชีวิตของเขา ! เด็กชายใช้มือยันพื้นแล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนปลายดาบ ก่อนจะชโลมดาบเปลี่ยนสีสันด้วยโลหิตสีแดงของเหล่าผู้ที่ไม่หวังดีแก่เขา ใบหน้าขาวที่ดูเหมือนเด็กปกติทั่วไปบัดนี้กลับมีรอยยิ้มที่ดูไม่ต่างกันกับปีศาจกระหายเลือดประดับอยู่ และดวงตาคู่สีแดงดั่งเพลิงก็เกิดประกายสั่นระริกด้วยความสนุกสนานในการฆ่าฟัน !

หยดเลือดกระทบเข้ากับใบหน้าขาวเนียน เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านที่เคยใส่มากลับแปดเปื้อน ใบมีดยาวฟาดฟันทุกคนที่อยู่เบื้องหน้า เหล่าผู้เคราะห์ร้ายแทบไม่ทันที่จะหายใจ ก็ได้รู้สึกถึงสัมผัสอันเย็นวาบของคมดาบเสียก่อน

ไม่นานนักลานกว้างก็เต็มไปด้วยซากศพที่ดูเละเทะ เหล่าเศษเนื้อหนังที่ขาดวิ่นถูกละเลงลงกับพื้นหินอ่อนโดยที่ไม่เกินเลยไปยังอาณาเขตอื่นราวกับราวกับจงใจให้เห็นเป็นงานแสดงโชว์ศิลปะอันยอดเยี่ยม และยากนักที่จะหาชม ยิ่งเป็นภาพที่ตรงกลางหมู่ศพนั้นมีเด็กชายที่มีเรือนผมสีดำดั่งรัตติกาล ดวงตาสีแดงดั่งเพลิงนรกยืนหัวเราะอยู่ โดยทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาแปดเปื้อนไปด้วยเลือด

แกร๊ก !

เสียงดังมาจากทิศทางด้านหลัง เด็กชายนักฆ่าหันกลับไปมอง บัดนี้ดวงหน้าขาวที่เคยประดับรอยยิ้มของฆาตกรนั้นกลับกลายเป็นเหมือนดังเด็กธรรมดาที่ไม่มีอะไร

"เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันวะเนี่ย !?" เสียงอุทานอย่างตกใจของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ดูท่าทางว่าคงจะเป็นคนรู้จักกับเหล่าผู้เคราะห์ร้าย เรือนผมสีน้ำตาลแดงนั้นถูกรวบไว้เป็นหางม้ายาวละต้นคอ เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นก็ดูสกปรก ท่าทางว่าคงจะเป็น "เบ้" ของเจ้าพวกนี้

"เฮ้ย ! แล้วเจ้าหนูแกเป็นใครล่ะเนี่ย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันวะ ?" ชายหนุ่มหัวแดงพูดแล้วตรงเข้ามาหานักฆ่าตัวน้อยก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนทะเลเลือด แล้วสำรวจว่าเด็กชายได้รับบาดเจ็บหรือไม่

เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีดำไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักกับการปรากฏตัวของชายตรงหน้า ไม่ใช่เพราะชายแปลกหน้าจะมาขัดจังหวะความรื่นเริงของเขาหรอก แต่มันเพราะ...

ว่าแล้วเด็กชายก็กวาดตาที่พื้นจากตรงที่ ๆ ชายตรงหน้าเดินเข้ามา ตรงจุดที่เขาย่ำนั้นรอยเลือดได้ด่างลงและติดรองเท้าแทน
ที่เขาเกิดความรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างนี้ก็เป็นเพราะ... ชายตรงหน้ามาทำลายงานศิลปะอันมีค่าของเขาน่ะสิ ! จะทำลายน่ะมันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้เขาออกไปก่อน !

"เฮ้ นี่นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ถามอะไรก็ไม่ตอบ" นักฆ่าเบนหน้ากลับมามองผู้ที่แสดงท่าทางเป็นห่วงเขา และหางตาก็เหลือบไปเห็นว่าที่ประตูทางเข้านั้นยังมีคนนอกยืนอยู่อีก เขาจึงทำได้แต่สบถในใจ แล้วตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

"...ไม่เป็นอะไรครับ"

...เอาเถอะ ไว้รอให้ไปที่ลับตาคนก่อนค่อยละเลงงานศิลปะเพิ่มอีกสักชิ้นก็ได้ โดยนายจะได้เป็นอีกหนึ่งในตัวเอกของภาพวาดชิ้นใหญ่...

ว่าแล้วเด็กชายก็เดินตามชายหนุ่มผู้หวังดีกลับบ้าน ในขณะที่ในใจมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ยากจะคาดเดาได้แอบแฝงอยู่


เดี๋ยวต่อ มันบอกว่ายาวไป - -a


แก้ไขล่าสุดโดย Lavypoo เมื่อ Tue Oct 07, 2008 7:29 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Oct 07, 2008 11:51 am

>< +++ >< +++ ><

บ้านไม้หลังเก่า ๆ ใกล้จะผุพังเต็มที่นั้นแลดูไม่เป็นที่น่าพิสมัยสำหรับใครต่อใครหลายคนนัก รวมทั้งนักฆ่าในมาดของเด็กชายตัวเล็กคนนี้ด้วย
สงสัยว่างานศิลปะรอบนี้ของเขาคงจะต้องใช้สถานที่อันไม่น่าพิสมัยแห่งนี้เป็นที่จัดงานล่ะมั้ง ?
"เอ่อ... มันอาจจะดูโทรมไปหน่อยนะ แต่ช่วยทนทีเถอะ" เด็กหญิงตัวเล็กเจ้าของผิวขาวอมชมพูพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความช่วยไม่ได้ ผมสีทองของเธอนั้นถึงแม้จะไม่นุ่มสลวยเหมือนอย่างเด็กหญิงผู้ดีแต่มันก็ยังมีกลิ่นหอม และดวงตาคู่กลมโตสีฟ้าใสนั้นก็แลดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา จากที่เขาคาดเดาเอาไว้นั้น คาดว่าน่าจะเป็นพี่น้องกับผู้ชายหัวแดงที่อุตส่าห์แสดงความหวังดีให้แก่เขาจนไปทำลายงานศิลปะอันเลอค่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่...พอมาคิดดูอีกที งานศิลปะรอบสองของวันงานนี้คงน่าพอใจมิใช่น้อย ก็...
เด็กชายยืนนิ่ง ดวงตาไม่ส่อแววใด ๆ ปรากฏ แต่รอยยิ้มอันชั่วร้ายนั้นกลับเกิดขึ้นและในหัวก็วางแผนทุกอย่างให้เป็นลำดับขั้นตอนอย่างรวดเร็ว
"เออ จริงสิ ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ ?" ชายหนุ่มหัวแดงหยุดยืนก่อนเข้าหน้าบ้านแล้วเอี้ยวตัวมาถามเขา เด็กชายยิ้มอีกครั้ง แต่แววตาเขาไม่ยิ้มไปด้วยอีกเช่นเคย ก่อนจะตอบว่า
"ผมชื่อ แอซไซน์ ครับ"
แต่ขณะนั้นเอง ในใจก็คิดไว้อีกคำหนึ่ง...

...จำไว้ดีล่ะ ชื่อนี้น่ะ ชื่อของคนที่จะฆ่าพวกแกน่ะ...

>< +++ >< +++ ><
เม้นท์ - ติ - ชม ตามสบายนะงิบ
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
ultimatewp

ultimatewp


Registered : 03/10/2008
Posts : 1399

Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue90 / 99990 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Raccoonb

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeThu Oct 09, 2008 4:06 pm

เฮ้ย นำเรื่องได้แนวดีท่าน ผมว่าน่าสนใจนะครับ
ยอมรับว่าฉากบรรยายการต่อสู้และเร้าอารมณ์ฆ่าฟันนั้นท่านทำออกมาได้ดีทีเดียวฮะ นับถือๆ ผมอยากจะตามอ่านต่อว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป ไม่ทราบว่าท่านจะกรุณาเอามาลงต่อได้ไหมครับ

เด็กชายผู้มีนัยน์ตาสีแดง >3< วู้ว
ขึ้นไปข้างบน Go down
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeFri Oct 10, 2008 1:37 pm

ตอนนี้อ่านดี ๆ นะงิบ อ่านข้ามระวังสับสน เพราะจงใจแทรกให้งง ๆ เล็กน้อย
The Final Sanguinary
[บทที่ 2 – Assign II]


เคร้ง !

ช้อนโลหะเก่า ๆ หล่นลงจากมือของเด็กชายเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลและดวงเนตรสีเพลิง เขายิ้มพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะขอตัวก้มลงเก็บช้อนนั่น

อาหารบนโต๊ะไม่เพียงพอที่จะประทังความหิวของเด็กชายได้ เรื่องนั้นเขารู้ดี เพราะมันมีเพียงแค่เศษขนมปัง... มันเป็นขนมปังที่ถูกแบ่งครึ่งจากอันที่เล็กอยู่แล้ว และมีน้ำซุปใส ๆ จืดชืดที่ดูท่าทางว่าจะไม่ได้ใส่อะไรไว้มากนัก ตัวบ้านถึงจะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้าน แต่ที่แย่ก็คือลำธารแหล่งน้ำเพียงที่เดียวที่จะทำให้เขาได้อาบน้ำอย่างเต็มที่อยู่ห่างไกลจากบ้านแห่งนี้ไปราว 2 – 3 กิโลเมตร

มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่แลดูน่าพึงพอใจ...

เด็กชายลุกขึ้นนั่งเก้าอี้ตามเดิมพร้อมกวาดตามองผู้ร่วมโต๊ะอาหาร สมาชิกของบ้านน้อยหลังนี้มีชายหนุ่มหัวน้ำตาลแดงที่ชื่อว่า เอ... อะไรนะ เขาไม่อยากจำเท่าไหร่ ถัดมาคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาคือเด็กผู้หญิงหัวทองตาสีฟ้าที่ชื่อว่า "โรส" ...รึเปล่า ? ช่างมันเถอะ นอกจากนั้นก็มีเด็กผู้หญิงที่เงียบ ๆ อายุไล่เลี่ยกับเขาอยู่คนหนึ่งแต่มีผมสีขาวและตาสีแดงเหมือนกับเขา เพียงแต่เข้มกว่านิดหนึ่ง คนนี้เขาจำชื่อได้แม่นเลย ชื่อว่า "แอซไซน์" เหมือนกันอีกด้วย

เด็กชายยิ้มในใจ

ถึงแม้ท้องของเขาจะไม่อิ่มหนำสำราญเท่าไหร่นัก แต่รับรองว่ามือของเขาคงไดรับความสุขสำราญมากพอดูสำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้...

คิด ๆ แล้วเด็กชายก็ยิ้มอีก แต่แววตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย

>< +++ >< +++ ><

เสียงฝนตกดังเปาะแปะกระทบกับหลังคาไม้ที่ใกล้จะผุพังเต็มที เด็กชายรอ รอแล้วรอเล่าจนกระทั่งไฟของเทียนไขดับ รอแล้วรอเล่า จนกระทั่งเสียงพูดคุยเริ่มหดหาย รอแล้วรอเล่า จนกระทั่ง ความมืดมิดที่มืดมิดที่สุดของค่ำคืนย่างกรายเข้ามา

ในขณะที่ร่างของบุคคลอื่นๆ ต่างหลับใหลอยู่ดวงเนตรคู่สีแดงฉานเหมือนโลหิตก็เบิกโพลงขึ้น เจ้าของร่างเล็กลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินออกไปทางประตูโดยจงใจแง้มประตูไม้นั้นให้แสงสว่างจากภายนอกห้องสาดกระทบเข้ากับใบหน้าขาวของเด็กผู้หญิงผมทอง เด็กสาวลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย และเมื่อเห็นว่าเจ้าของดวงตาสีแดงนั้นกวักนิ้วเรียกจึงเดินตามไปด้วยความไร้เดียงสา...

ขณะเดียวกันเจ้าของดวงตาสีแดงอีกคนก็คอยจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะลุกตามออกไปด้วยความตะขิดตะขวงใจ

เจ้าของดวงตาสีแดงที่เดินนำเด็กสาวผู้ไม่รู้อะไรเลยนั้นออกไป

ต่อหลังมาด้วยเจ้าของดวงตาสีแดงอีกคนที่ย่างกรายตามอย่างเงียบ ๆ และไม่มีพิรุธ

...เวลานักฆ่าจะฆ่า
...ควรลงมือให้เงียบ
...รวดเร็ว
...และเก็บกวาดเป้าหมายให้หมด

อีกหนึ่งวิธีที่เข้าใจง่ายนั้นคือการลวงไปฆ่าทีละราย รวมทั้งการเลือกเหยื่อก็เช่นกัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่มันควรจะเป็น ต้องไม่มีคำว่าผิดพลาด และหากเป็นไปได้... ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่คิดไว้แต่ต้น...

"แอซไซน์ จะพาโรสไปไหนเหรอ ?" เด็กหญิงก้มหน้างุด เธอเอามือขยี้ตา เท้าคู่เปล่าเปลือยทั้งสองข้างเปราะเปื้อนไปด้วยคราบโคลนเนื่องจากฝนตกและเสื้อผ้าก็เปียกชื้น แอซไซน์ไม่ตอบ ยังคงกวักมือเรียกให้เด็กสาวตามมาต้อยๆ อยู่อย่างนั้น

ไม่ชอบเลยกับความเปียกแฉะ...

แต่ต้องเร่งให้เร็ว จัดการให้ไว ก่อนที่เหยื่อ...

จะถูกใครบางคนตัดหน้า...

.....................
........................................
............................................................


ขาทั้งสองข้างนั้นไม่ขยับ ไม่ใช้เพราะกลัวภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ...หรือไม่บางทีอาจจะกลัวนิดหน่อย แต่มันก็ไม่มากเท่าไหร่นัก บางทีที่มือทั้งสองข้างสั่นไปด้วยนั้นอาจจะเป็นเป็นเพราะความตื่นเต้น... เขาคิดไว้แล้ว กะไว้แต่แรก ไม่มีผิดพลาดหรอก...

เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ดวงตาคู่กลมสีแดงเพลิงนั้นสั่นระริกอีกครั้งกับภาพตรงหน้า

เขารู้อยู่แล้ว...
แอซไซน์ก็เป็นเช่นเดียวกันกับเขา...
แอซไซน์ผู้มีเรือนผมสีขาวและนัยน์ตาสีโลหิตไม่ต่างกับเขา...
เธอเป็นนักฆ่าผู้ที่ปรารถนาซึ่งการนองเลือดเช่นเดียวกันกับเขา... !

เดี๋ยวต่ออีก มันบอกว่ายาวไป
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeFri Oct 10, 2008 1:37 pm

ต่อ ๆ

ภาพตรงหน้าเป็นภาพที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ ดวงตาสีฟ้าเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวแต่บัดนี้มันไร้รอยแววสะท้อนใด ๆ ดูขุ่นมัว เส้นผมสีทองที่เคยสะท้อนเป็นเงาสลวยบัดนี้กลับดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่ริมฝีปากบางนั้นมีรอยเลือดสีแดงฉานไหลอาบ คราบน้ำตายังคงติดอยู่บนแก้ม ตัวของเด็กหญิงถูกยกให้ลอยอยู่เหนือพื้น โดยการใช้เถาวัลย์ของต้นไม้ใหญ่ตรึงแขนทั้งสองข้างเอาไว้...
...
เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลจำได้ดีว่าตอนที่ลงมือนั้นเป็นเช่นไร...

แอซไซน์คนนั้นที่ไม่ใช่เขาลงมืออย่างเลือดเย็น เล็บแต่ละเล็บของเด็กหญิงถูกถอดออกไล่เรียง เสียงกรีดร้องนั้นดังนัก รวมทั้งคำพูดต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาไม่ได้หยุด จนกระทั้งหมดทุกนิ้ว เด็กหญิงก็ยังคงมีสติอยู่ แต่ไม่มีแรงจะขัดขืน เสียงร้องไห้เงียบไปแต่น้ำตายังคงหลั่งรินลงมาราวกับสายโลหิต รอบนี้นักฆ่ายืนนิ่งอยู่นาน และในที่สุดก็จับเถาวัลย์ลงมาพันรอบข้อมือเอาไว้ เด็กหญิงตัวน้อยที่รู้ถึงชะตากรรมของตัวเองนั้นเหลือแรงเพียงแค่ส่ายหัวเบา ๆ แอซไซน์คนนั้นยิ้ม คนที่ลงมือยิ้มแต่คนที่แอบดูอยู่ก็พลอยยิ้มไปด้วย เธอ... แอซไซน์เจ้าของผมสีขาวยื่นนิ้วออกไปหนึ่งนิ้วมาจ่ออยู่หน้าปากแล้วยิ้มแบบเทพธิดาแต่แววตานั้นไม่ยิ้มไปด้วย มันว่างเปล่าไม่ส่อแววใดๆ...

เด็กหญิงที่เห็นดังนั้นไม่ยิ้มตอบ ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ อีก ปากที่แห้งผากนั้นพะงาบ ๆ แต่อ่านไม่ออกว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร แอซไซน์ยิ้ม แอซไซน์คนที่ลงมือยิ้มแล้วฮัมเพลง เพราะมันเป็นแค่การฮัมจึงมีเสียงแค่จากในลำคอ แต่ไม่มีเสียงส่วนเนื้อร้อง เด็กหญิงฟังแล้วร้องไห้อีก เธอเริ่มสะอื้น แอซไซน์สวมกอดเธอ แอซไซน์คนที่ลงมือนั้นกอดเธอแล้วฮัมต่อไป จนกระทั่งเปลือกตานั้นปิดลง แต่นักฆ่ารู้ดีว่าเด็กหญิงยังไม่ตาย นั่นหมายถึงงานยังไม่เสร็จ ลมหายใจยังรวยรินอยู่ นักฆ่าจึงคลายมืออกแล้วตรึงเถาวัลย์ให้แน่น เท้าอันเปลือยเปล่าของเด็กหญิงลอยอยู่เหนือพื้น แอซไซน์ที่เป็นผู้ลงมือหยิบกริชเงินออกมาจากกระเป๋าหลังแล้วบรรจงปาดไปที่แก้มขาวนวลเกิดเป็นรอยบาดบาง ๆ รอยนั้นปริออกแล้วเลือดที่แดงเข้มก็ไหลลงอาบแก้มนวล เด็กหญิงครางออกมา แต่เพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้ไม่ตื่นเต็มตา

นักฆ่าเปลี่ยนสีหน้าเทพธิดาเป็นแบบเหี้ยมเต็มตัว แล้วชักรอยยิ้มที่ใครก็คงไม่อยากเห็นขึ้นมาประดับแทนที่แล้วบรรจงกดมีดลงไปอีกครั้ง แอซไซน์เจ้าของเรือนผมขาวเลาะเสื้อผ้าของเด็กสาวออกแล้ว แล้วใช้มีดกดลงไปที่หน้าท้องอย่างแรง ! เด็กหญิงกรีดร้องอีกครั้งและรุนแรงกว่าเดิม เลือดสดหลั่งออกมาจากเด็กหญิง ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดบัดนี้กลับซีดลงอย่างช่วยไม่ได้ ลมหายใจนั้นยิ่งถี่และห้วนลงกว่าเดิม ร่างบางนั้นสั่นเทิ้ม เลือดสีแดงไหลอาบเนื้อ แอซไซน์ที่เป็นผู้ลงมือแหวกหนังส่วนที่ปริออกแล้วกรีดมีดขึ้นเป็นทางยาว ก่อนจะกดลงไปตรงส่วนของหัวใจ !

เสียงร้องหยุดกึก ร่างเล็ก ๆ สั่นกระตุก ดวงตาสีฟ้าขุ่นเบิกโพลง ภาพสุดท้ายที่เด็กหญิงเห็นด้วยดวงตาที่พร่าเลือกคือภาพของแอซไซน์ที่ยิ้มได้บริสุทธิ์ราวกับเทพธิดา...

แอซไซน์คลายหน้าที่ยิ้มนั่นออก แล้วลงมือลากอวัยวะต่างๆ ภายในร่างเล็กนั่นออกมากองกับพื้น เธอเดินไปหลังต้นไม้นั่นแล้วหยิบถังน้ำและผ้าออกมาเช็ดที่เนื้อและผิวหนัง แอซไซน์ผมขาวกดเนื้อให้เลือดซึมออกมา เธออดทนรอจนกระทั่งเนื้อกลายเป็นสีชมพูอ่อนซีด ๆ และน้ำในถังหมดไป นักฆ่าผมขาวเก็บของที่ตนดึงออกมาใส่ถังน้ำที่บัดนี้แห้งเหือด จากนั้นจึงเดินไปหลังต้นไม้อีกครั้ง รอบนี้ไปนานพอสมควรก่อนจะกลับมา ดูท่าทางว่าคงจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาด้วย แอซไซน์ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นผู้ที่เป็นคนลงมือก็เดินจากไป ทิ้งให้ผู้ชมนั่งอยู่ต่อ
...
เจ้าของผมสีรัตติกาลจำได้แม่นเลยว่าเสียงร้องของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ดังมากเพียงไร และเธอร้องนานเท่าใด น้ำตาของเด็กหญิงไหลพรากเหมือนดั่งเลือดที่ไหลเป็นสายของเธอแต่นักฆ่าก็ไม่ยอมหยุด แน่ล่ะ... แอซไซน์เจ้าของผมสีดำก็คงไม่หยุดเช่นกัน ต่อให้เด็กหญิงจะร้องดังเพียงใด หากคุ้นเคยกับสถานที่นี้แล้วจะยังกลัวอะไรอีกเล่า ?

...ไม่มีคนหรอก ต่อให้มีคนเข้ามาก็คงจะกลายเป็นผู้ชมงานศิลปะขณะกำลังก่อสร้างอยู่ชั่วคราวจากนั้นพวกผู้ชมก็จะกลายเป็นงานศิลปะชิ้นต่อไป ใช่แล้ว... แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวนั่นเตรียมการไว้อย่างดี จุดที่อยู่ในป่าลึก ความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายเชื่อใจ และความอำมหิตที่สามารถลงมือได้ลงคอ อีกทั้งยังฝนที่ตก และหากให้เขาเดา แอซไซน์คนนั้นจะต้องรู้ดีถึงตัวตนอีกคนหนึ่งของเขา... เพราะเธอก็เป็นอยู่ เธอกับเขาเหมือนกัน

ทั้งดวงตาสีแดง ผิวขาว ส่วนสูงที่ไล่เลี่ย โครงหน้าที่ไม่ต่าง และบุคลิกอีกหนึ่งที่เป็นนักฆ่าที่สามารถจะก้าวขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งในวงการโลกมืดได้

คงเพราะเธอรู้จึงต้องรีบลงมือ เธอเองก็คงรู้ดีว่าเขากะจะลงมือในคืนนี้

แอซไซน์ยิ้ม... แอซไซน์ผู้ที่มีเรือนผมสีดำดั่งรัตติกาลยิ้ม

วันนี้เขาจะออกเดินทาง และจะจดจำภาพศิลปะอันงดงามตรงหน้าไปอีกนาน... แต่คิดดูอีกที เขาควรจะไปจัดการกับเจ้าตัวดีที่ทำลายงานศิลปะเขาเมื่อวานก่อนดีกว่า และถ้าเป็นไปได้ก็อยากชวนให้แอซไซน์คนนั้นมาร่วมงานกับเขาด้วย

แล้วแอซไซน์ก็ยิ้มอีกครั้ง... แอซไซน์ผู้มีเรือนผมสีดำดั่งรัตติกาลยิ้มอีกครั้ง

>< +++ >< +++ ><เอามาลงต่อ หายหน้าไปนานทีเดียว วุ้น ๆ อยู่นะงิบ มีคนอ่านก็ดีใจ ~ *-*/
มีคำผิดก็บอกได้น้อ เพราะบางทีเวลาพิมพ์ก็เบลอ ๆ (ฮา)
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
FurSeal
ผู้ดูแล
ผู้ดูแล
FurSeal


Registered : 04/10/2008
Posts : 66

สถานะ : ปางตาย
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue10 / 99910 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Sealb

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 4:49 am

หืม เป็นท่านแรกที่เปิดประเดิม หมวดนี้เลยนะอ๋ง ยินดีด้วย

เนื้อเรื่องไม่อาจนิยามได้ถูกแต่ keyword: จักรวรรดิ์ กับการใช้ดาบต่อสู้กันดูเหมือนจะเป็นนิยาย
แฟนตาซีและออกแนว Guro เสียด้วย เมื่ออ่านตอนที่สองจึงรู้แจ้งเห็นจริงถึงธรรมชาติิของวรรณกรรม
ชิ้นนี้

แต่อย่างไรก็ดี ณ เวลานี้ (เมื่ออ่านตอนสองจบอย่างกระอักกระอ่วน เนื่องจากจินตภาพตามเหตุการณ์ที่
กล่าวมาตามเนื้อเรื่อง ซึ่งผู้แต่งนิยายให้ผู้อ่านรู้สึกสยองตามถือว่าเก่ง) ก็ยังไม่ทราบแรงจูงใจที่ทำให้
Assign ทั้งสองฆ่าคนได้ คงต้องรออ่านในตอนต่อไป อย่าลืมเฉลยในจุดๆนี้ด้วยนะอ๋ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 11:27 am

มีเฉลยแน่ค่า ><
แต่ยังมิถึงเวลา ~

The Final Sanguinary
[บทที่ 3 – Killer]


เปรี้ยง !
...

แย่... แย่สุด ๆ เธอทนมานานแล้วกับเรื่องพรรค์นั้น พวกปากว่าตาขยิบ ! ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเป็นดีเหลือเกิน ทำเป็น... ฉันคือผู้ยากจน ผู้ที่โดนกดขี่ข่มเหง น่าเวทนา ฉันคือฝ่ายที่ถูกต้อง แล้วนี่มันอะไรกัน ลับหลังก็กลายเป็นอีกแบบ ใช่... ถ้าหากไม่มีพวกมันแผ่นดินคงสูงขึ้นเยอะ !
...
กระสุนสีเงินวาววับลั่นออกจากกระบอกเป็นแสงสีขาวพุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมาย มันตัดขั้วหัวใจขาดสะบั้น ! เจ้าของร่างผู้โชคร้ายนั้นกรีดร้องลั่นด้วยความหวาดผวา ดวงตาคู่สีน้ำตาลที่เคยสดใสไนช่วงไม่กี่วินาทีต่อจากเสียงลั่นไกนั้นมันก็ขุ่นมัว เรือนผมสีแดงลอยตัวขึ้นขณะที่ร่างกายนั้นหนักอึ้งและตกลงสู่พื้นตามกฎของโลก

โลหิตสีแดงพุ่งออกมาจากรูที่หน้าอก เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นลงสู่พื้นไม้เป็นหย่อม ๆ

แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลดวงตาสีแดงเพลิงยิ้มเยาะแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี เหยื่อเสร็จเขาไปอีกรายแล้ว หากแต่แอซไซน์อีกคนกำลังตีสีหน้าครุ่นคิดและเคร่งเครียด เขาต้องการทำอะไรกันแน่ เรื่องนั้นเธอไม่เข้าใจ หรือเขาจะมาเพียงเพื่อฆ่าด้วยความสนุกสนานซึ่งแน่นอนว่ามันต่างกันกับเธอ เธอฆ่าเพื่อล้างแค้น !

ฆ่าเหมือนกัน แต่จุดประสงค์แตกต่าง มองภายนอกยังไงมันก็คือคนใจบาปที่ฆ่าคนอย่างทารุณ หากแต่เรื่องจริงเบื้องหลังมันก็แตกต่างกันอยู่ นักฆ่าตรงหน้าเธอ... เจ้าของชื่อแอซไซน์ เด็กชายปริศนาที่พวกโรสพามาบ้าน เธอรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาต่างจากเธอ หากแต่เขาก็เหมือนเธอ

เราเป็นนักฆ่า อีกตัวตนหนึ่งมีจิตวิญญาณของความกระหายเลือกอยู่ แต่เขาก็แตกต่างจากเธอนัก แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำนัยน์ตาสีแดง แต่เป็นแดงเพลิงเหมือนกับแสงจ้าของพระอาทิตย์ยามเย็น ต่างกับของเธอ... สีแดงที่แดงเข้มดั่งโลหิต... เขาสวมบทบาทมันอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะการจัดระบบความคิด การเป็นผู้ชมที่ดีขณะที่เธอลงมือ หรือกระทั่งการแสดงบทบาทนิสัยและลักษณะภายนอกให้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

นั่นแหละ ที่เรียกว่ามืออาชีพ !

...........
........................
....................................


ศพของฟรายด์ได้ถูกฝังลงกับพื้น คนที่อุตส่าห์เลี้ยงดูฉันมากลับต้องตายไปต่อหน้า น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่เขาไม่ได้เห็นศพของโรสเสียก่อน ก็แค่คิดน่ะ ว่าถ้าให้เขาได้เห็นคงรู้สึกดีขึ้น ฆ่าคนที่เขารักคงจะ... สามารถล้างแค้นให้กับ เฮ้อ มันคงจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า เริ่มจากกลัวภาพตรงหน้า แล้วกลับกลายเป็นโกรธ เศร้า เสียใจ ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และ...

"นายฆ่าเขา..."

"ส่วนเธอฆ่าโรส"

"แล้วไง ก็นายตัดหน้าฉัน"

"ใครดีใครได้ ฉันไม่ได้รับงานใครซะหน่อย ถ้าตัดหน้าเธอก็ช่วยไม่ได้นี่นา ~ จริงมั้ย แอซไซน์ ?" แอซไซน์ผู้พูดยิ้มเยาะ เจ้าของดวงตาสีแดงเพลิงยักคิ้วให้ นิสัยของเขาเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ อยู่ไม่นิ่ง และมักจะกวนประสาทคนที่อยู่ใกล้ อีกอย่าง ยังพูดมากมากกว่าที่เธอคิด หรือบางทีนักฆ่าที่ดีอาจจะไม่จำเป็นต้องเงียบ

"เรื่องนั้น... ฉันเองก็ไม่รู้"

"...นี่ผลงานครั้งแรกรึเปล่า ?"

"อะไร โรสน่ะเหรอ... อืม ครั้งแรกที่ลงมือ" ใช่... มันง่ายกว่าที่คิด ถึงแม้จะไม่เคยลงมือกับคนเลย แต่มันก็ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด

"แววตาดีใช้ได้ ฝีมือต้องยกนิ้ว การทำงานรอบคอบ แต่ดูเหมือนจะเน้นหนักที่ความพึงพอใจส่วนตัว แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีคน เธอสนใจจะร่วมงานกับฉันมั้ย ?"

แอซไซน์ลุกขึ้นยืน หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวลุกขึ้นยืน เธอยืนก้มหน้าลงมองใบหน้าขาวของอีกฝ่าย แอซไซน์อีกคนยังคงยิ้ม แต่นัยน์ตาสีแดงเพลิงนั้นว่างเปล่าเสียจนน่ากลัว เธอควรจะตอบอย่างไรดี... ?
...
ดวงตาของทั้งสองประสานกัน ความเหมือนที่แตกต่าง สิ่งที่นัยน์ตาคู่ว่างเปล่าตรงหน้าต้องการจะสื่อนั้นมันหมายถึงอะไรบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้แน่ชัด แต่บางทีร่างกายของเธอ จิตวิญญาณอีกหนึ่งของเธออาจจะรับรู้อยู่ด้วยก็เป็นได้...

ร่างกายของแอซไซน์ขยับไปตามสัญชาตญาณ มือเรียวนั้นยื่นออกเข้าหาแอซไซน์ที่นั่งยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็จับมือของเธอตอบ และยิ้มให้กว้างยิ่งขึ้นเมื่อได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ

"เราต้องไปกันได้ดี"

แอซไซน์เจ้าของผมขาวไม่ตอบ เธอเพียงแต่พยักหน้า ไหน ๆ ก็เอาเถอะ เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นา จะลงมืออีกซัก... ที หรือสองทีมันก็คงเหมือนกัน หรืออาจจะคุ้มค่ามากกว่าที่ใคร ๆ จะคาดคิดกันนั่นแหละ

"แน่นอน" เธอตอบ และเขาก็ยิ้มตอบรับ บางทีร่วมทางกับนักที่มีสองหน้าอาจจะปลอดภัยได้มากกว่าคนสองหน้าที่เธอยังไม่รู้เบื้องหลังของเขา ...และครั้งที่ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องทีเดียว
...
...ห่างออกไปบนยอดเขา จากจุดนี้จะสามารถมองเห็นทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่างได้ชัด รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อคืนด้วย – "ออกมาแล้ว" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าการกระซิบเล็กน้อย แต่มันก็เพียงพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน ผู้ที่พูดเป็นชายหนุ่มอายุราว 18 – 19 ปีเท่านั้น เขามีเรือนผมยาวสีทองรวบไว้ด้วยเชือกเส้นเล็ก ๆ สีดำผูกเป็นปม ดวงตาคู่เรียวสีอเมธิตส์จับจ้องแอซไซน์ทั้งคู่ผ่านจากเลนส์ของกล้องส่องทางไกล

"พวกมันรู้ตัวรึเปล่า ?" เสียงตอบรับคำแรกที่ชายผู้นี้พูดออกมาดังขึ้นจากข้างตัว

"คิดว่าไม่น่าจะรู้ แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดที่สุดบางทีอาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวก็ได้"

"แต่ไม่แน่ก็อาจจะประเมินค่าพวกมันต่ำไป เอาเถอะ... ดูท่าทางว่ามันจะหาคู่ได้แล้วสินะเนี่ย รีบเก็บมันซะ เล็งที่สมองนะ จะได้ฟื้นไม่ได้อีก"

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนที่ยืนแล้วไปซุ่มอยู่อีกที่ ปืนกระบอกยาวสีดำสนิทตั้งวางอยู่ เจ้าของดวงตาสีอเมธิสต์นั่งลงกับด้วยท่าคุกเข่าแล้วใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องมองทั้งคู่ที่อีกครั้ง มือข้างหนึ่งขยับปืนเล็ง มืออีกข้างคอยประคอง

!!!
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 11:30 am

แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำ นักฆ่าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดจ้องมองกลับมาทางที่เขานั่งอยู่ด้วยดวงตาคู่สีแดงเพลิงแล้วแสยะยิ้มเย็น หรี่นัยน์ตาลง ก่อนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งอ่านปากได้ว่า

...แกคืองานศิลปะชิ้นต่อไป...

ขนลุกซู่ ! หรือจะเรียกได้ว่าเสียวสันหลังวาบก็ว่าได้ !

ชายหนุ่มเผลอผละตัวออกจากหน้ากล้องแต่สติกลับมาได้เร็วกว่า จึงรีบเร่งเข้าไปดูต่อแต่ปรากฏว่าเป้าหมายของเขาได้หายไป !?

หายไปไหน ? นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมากในหัวที่ว่างเปล่า ต่อมาคำถามที่สองคือ หายไปได้อย่างไร ? แต่ขณะเดียวกันต่อเนื่องกันมาไม่กี่วินาที คำถามสุดท้ายหรือคำอื่นใดก็ได้หยุดค้างชั่วขณะ เมื่อมีเสียงลั่นไกของปืนดังขึ้นจากจุดที่เขาเดินมา ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นแล้วเอามือหยิบปืนกระบอกยาวเพื่อเพิ่มความอุ่นใจ แม้ว่าตัวโลหะของกระบอกนั้นจะเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็ตามที

ชายหนุ่มย่างเท้ากลับเข้ายังจุดตั้งกล้อง ...เสียงและวิธีลั่นไกแบบนั้น... แสดงว่าต้องมีผู้เคราะห์ร้ายแน่นอน การฆ่าคงจะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วที่ตัวผู้โดนยิงนั้นแทบจะไม่ทันได้หายใจเลยทีเดียว ...เป็นการฆ่าที่น่ากลัวสำหรับพวกนักฆ่าโดยเฉพาะ...

ชายหนุ่มหรี่ตาลง ...คงต้องเสี่ยงดวงกันหน่อยล่ะ ! เขาหลับลงลง แล้วชัดปืนให้อยู่ในแนวตั้งฉากกับลำตัว

ดวงตาใช้ไม่ได้สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่สามารถจะพึ่งพาได้นั่นก็คือ... !

"การได้ฟังจำเป็นที่สุดสินะ" เสียงกระซิบของนักฆ่าผู้พกพาเคียวของผู้คุมวิญญาณนามว่ายมทูตนั้นดังจากข้างหู ชายหนุ่มสันหลังวาบ เขากระตุกมือไปทีหนึ่งด้วยความสะดุ้งและตื่นกลัว จากนั้นจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาที่ถูกฝึกให้ปรับชินกับความมืดมิดบ่อยครั้งนั้นย่อมยากที่จะรับมือกับแสงสว่าง การปรับตัวจึงช้า แต่นั่นก็หมายถึงว่าชีวิตของเขาได้ยืดออกไปอีกนิด

แสงสว่างบาดตาเกิดขึ้นทันทีที่เปลือกตาเปิดแต่ความร้อนระอุกลับเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ! เลือดสีแดงไหลซึมผ่านดวงตา ชายหนุ่มเอามือทั้งสองข้างปิดตาเอาไว้แล้วกัดฟัน มือของเขาสัมผัสหัวเข้ากับดวงตาที่ไร้เปลือกตาจริงๆ เพียงชั่วพริบตานั้นเองเปลือกตาที่ค่อย ๆ เปิดนั้นถูกมือของใครคนหนึ่งดึงขึ้นแล้วกรีดอย่างรวดเร็วเสียจนขาดออกจากกัน !

ชายหนุ่มลืมตา... หรือควรพูดว่าใช้มือเปิดตาออก เขาใช้ฝ่ามือบังแสงและกันไม่ให้โลหิตสีแดงนั้นไหลอาบดวงตา อีกไม่นานเขาคงตาย เรื่องนั้นเขารู้ดี... หากแต่ความหวังอันน้อยนิดในหัวสมองได้จุดให้เห็นว่าหากพวกมาช่วยทัน เขาก็อาจจะรอด ถึงแม้ความหวังนี้จะน้อยนิดริบหรี่เสียทีก็ตาม
...
"อดทนดีแฮะ" แอซไซน์พูด หมายถึงแอซไซน์ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดที่สุดพูด เขายืนอยู่ด้านหลัง แน่นอนล่ะว่าคนลงมือไม่ใช่เขา คนลงมือคือเธอ... แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวดวงตาสีโลหิต รวดเร็ว ฉับไว ตามอย่างที่เขาคาดการไว้จริง ๆ – หญิงสาวหันไปมองคู่หูของเธอที่เพิ่งทำความเข้าใจกันไปเมื่อครู่ แอซไซน์ผู้เป็นผู้ชมนั้นยืนยิ้มกริ่มดั่งเช่นทุกครั้ง และแววตาก็สั่นระริกไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา

...แล้วหญิงสาวก็แสยะยิ้มออกมาประดับใบหน้า ซึ่งคือสัญญาณว่าเธอพร้อมจะลงมือแล้ว...

"...ดูท่าว่านายคงจะไม่บอกอะไรสินะ" ชายหนุ่มผมทองส่ายหัวแทนคำตอบ และความหวังของเขาก็ริบหรี่ลงไปเหมือนดั่งไฟกลางป่าที่อับชื้นย่อมต้องมอดลง ส่วนชายหนุ่มซึ่งเมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ก็ยิ้มกว้างขึ้นแทนคำตอบออกมาเช่นกัน เธอไม่ต้องการฟังคำตอบต่อไปเธอก็สามารถรู้ได้ดีว่าเขาต้องการพูดว่าอะไร "ลงมือได้" ...แล้วหญิงสาวก็ยิ้มกว้างขึ้นด้วยคนเช่นกัน

แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวควงมีดสั้นในมือที่เพิ่งลิ้มรสเลือดอย่างชำนาญ เธอไม่มีประสบการณ์ด้านลงมือกับมนุษย์ได้ช่ำชองนักหรอก แต่เธอก็มั่นใจพออยู่กับฝีมือด้านการทรมานสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของเหยื่อแล้วกดใบมีดลงเบา ๆ แต่มันก็คมพอที่จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางยาวที่แก้ม เลือดเริ่มไหลซึมออกมาทีละเล็ก แต่นั่นก็สร้างความเจ็บปวดให้ได้ด้วยแม้จะยังเบาะ ๆ อยู่ก็ตาม หญิงสาวยังคงกรีดต่อไปไล่จากแก้มลากลงคอจากนั้นจึงมาหยุดอยู่ที่หัวไหล่ขวาของอีกฝ่าย เธอหัวเราะเบาและกดใบมีดลงที่ต้นแขนนั้นตัดตรงเส้นเอ็น ชายหนุ่มกรีดร้องออกมาฟังไม่เป็นศัพท์ แอซไซน์ผู้ลงมือหมุนมีดแล้วเสียงกรีดร้องก็ยิ่งดังขึ้นอีก

หญิงสาวถอนมีดออกอย่างรวดเร็วแล้วตามมาด้วยสายเลือดสีแดงที่พุ่งออกมาจากบาดแผลเปราะเปื้อนไปกับใบหน้าขาวนวลและเสื้อผ้า กลิ่นคาวเลือดโชยออกมาเตะจมูก แอซไซน์ลงมืออีกครั้งคราวนี้เธอกดติ่งหูไว้ข้างหนึ่งแล้วตัดมันออก ! เลือดสีแดงเข้มไหลรากลงลากเป็นสายยาว เสียงกรีดร้องทวีคูณความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นและรุนแรง ชายหนุ่มพยายามจะหนีแต่แน่ล่ะ ไม่ว่าจะทางใดก็ตามเขาต้องไม่รอด ทันทีที่ชายหนุ่มขยับ แอซไซน์ก็ใช้ใบมีดเล็กกรีดใบหูอีกข้างให้หลุดออกเช่นกัน เลือดไหลลงมาเป็นสายยาวอีกข้าง !

...แต่ เป้าหมายของหญิงสาวนั้นมีอยู่ที่จุดเดียว

...ดวงสีอเมธิตส์นั่น

แอซไซน์เริ่มลงมืออีกครั้ง ชายหนุ่มผวากับฝ่ามือบางที่มาสัมผัสกับใบหน้า หญิงสาวลูบแก้มข้างที่เกิดแผลอย่างเบาและนุ่มนวลแต่รอยยิ้มของปีศาจก็ยังคงประดับอยู่ เธอเชยคางของเขาขึ้นและ ! เสียงกรีดร้องที่ดังกว่าเดิมก็เกิดขึ้น ! แต่ไม่ว่าจะร้องได้ดังเพียงไรทัศนียภาพดั่งเดิมนั้นก็ไม่มีทางจะกลับมาได้เหมือนเก่า เมื่อดวงตาข้างหนึ่งได้ถูกควักออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

แอซไซน์ผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นนักฆ่าผู้โหดเหี้ยมที่สุดผิวปาก
...
เย้ย ยาวเกินอีกละเหรอ ร้องไห้
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 11:31 am

"ยังเหลือกอีกข้าง..." แอซไซน์ผู้ลงมือพึมพำ หากแต่ผู้ที่พูดคำเหล่านั้นไม่ใช่เธอ คนลงมือไม่ใช่เธอ แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะคอยกระซิบอยู่ข้างหูให้เธอฟังถึงความหอมหวานของการลงมือฆาตกรรม คอยกระซิบให้รู้ถึงวิธีการที่ถูกต้องของการลงมือ คอยกระซิบให้รู้สึกถึงความตื่นเต้นและยินดีต่อการลงมือในแต่ละครั้งไป คอยกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและยากจะคาดเดาความจริงเบื้องหลังเสียง นั่นคือตัวเธออีกคน เธออีกคนหนึ่งที่อยู่ในร่างกายเดียวกันกับเธอ ใบหน้าที่เหมือนแต่แตกต่าง คนเดียวกันแต่ความรู้สึกมันไม่ใช่ เธออีกคนหนึ่งเป็นอีกบุคลิก ที่ยากนัก... ที่ใครต่อใครหลายคนจะยอมรับ

เธอลงมือกับสิ่งที่ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก แต่การลงมือกับมนุษย์นั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้ และคนที่เธอเล็งไว้นั้นมีอยู่สองคน แต่เหยื่อรายที่สองนั้นถูกแย่งตัดหน้าไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อคืนที่แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลดวงตาสีแดงเพลิงได้ก้าวเข้ามาในบ้าน เธอรับรู้แต่เพียงว่าเขาคือเด็กชายธรรมดา ๆ ที่มักจะยิ้มบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่เธออีกคนนั้นกระซิบกลับ ต้องเป็นคืนนี้เท่านั้นที่จะลงมือกับโรสและพรุ่งนี้เช้าก็ลงมือกับอีกคนหนึ่ง ต้องเป็นคืนนี้เท่านั้น เพราะ... แอซไซน์คนนี้ก็มีความกระหายเลือดในแววตาเช่นเดียวกับเธออีกคนที่เป็นดั่งอีกบุคลิกของเธอ

แต่แล้ว... เหยื่อรายที่สองก็ถูกแย่งตัดหน้า เธออีกคนกระซิบตอบกลับหาเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ แต่ตอนนี้...
...

การได้เหยื่อทดแทนที่อดทนได้ดีถือเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า !

การลงมือก็เหมือนดั่งเช่นงานศิลปะ แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลบอกเธอเช่นนั้น
งั้นเธอก็คงจะเป็นดั่งศิลปินเอกที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ขึ้นมาได้
แอซไซน์ยิ้ม แอซไซน์ผู้ที่ลงมือยิ้มหากแต่คนที่ยิ้มคือเธออีกคนหนึ่ง...

ศพของชายหนุ่มผู้โชคร้ายนั้นสภาพแลดูย่ำแย่ถึงขีดสุด ดวงตาสีอเมธิตส์สดสวยที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าบัดนี้กลับเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น ที่ตรงพื้นที่ของใบหน้าส่วนที่น่าจะมีลูกตาอยู่นั้นกลับกลายเป็นรูโหว่กว้างแทนที่ เลือดสีแดงสดที่เคยไหลเยิ้มแห้งเกราะกรังเกาะอยู่ น้ำเหลืองบวกกับกลิ่นเลือดส่งออกมาเป็นเกลิ่นชวนคลื่นเหียนนั้นฟุ้งกระจายไปทั่ว

แซ่ก

เสียงฝีเท้าย่ำมากับพงหญ้าดังขึ้น ปรากฏให้เห็นเป็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามา ดวงตาสีอเมธิสต์และเรือนผมสีทองเช่นเดียวกันนั้นกวาดมองยังศพที่ไม่ชวนมองแล้วแสยะยิ้ม

"ในที่สุดก็ตามรอยแกจนพบ ...แอซไซน์"

>< +++ >< +++ ><
จบแล้วงิบ ~
สำหรับตอนนี้อะนะ เรื่องที่ออกโรคจิตไล่ฆ่าชาวบ้านไปทั่วคงยังเฉลยมิได้ว่าทำไม ขอเก็บไว้ต่อไป ~
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 2:30 pm

วี่คิดว่าตัวเองคงหายหน้าไปทำงานกีฬาสีอีกแล้ว...จึงมาลงอีกตอน - -"

The Final Sanguinary
[บทที่ 4 – Zealot]


......พวกเราก็แค่หลบหนี.......
............จากโชคชะตาไปเรื่อยๆแค่นั้นเอง............


ดวงตาที่เหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง

สายลมเย็นพัดกระทบใบหน้า ดวงตาสีอเมธิสต์จ้องมองลงไปยังเบื้องล่าง ภาพนั้นสะท้อนให้เห็นภาพของแอซไซน์กำลังเดินคู่กันอยู่ในเมืองที่คับคั่งไปด้วยผู้คน เรือนผมสีทองวูบไหวเช่นเดียวกันกับที่หัวใจมันกำลังสั่นด้วย... นักฆ่าไม่ควรมีเพื่อน และถึงจะมี ก็ยากนักที่จะเกิดความไว้วางใจ แต่นี่มันเพียงไม่กี่วันเลยแท้ ๆ ทั้งคู่กลับดูไม่ระแวงกันเลยแม้แต่น้อยราวกับรู้จักกันมานาน

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” ชายหนุ่มเจ้าของห้องพูดขณะที่สายตายังคงจับจ้องบุคคลทั้งสองอย่างไม่วางตา – แขกที่ไม่ได้รับเชิญเมื่อเห็นดังนั้นจึงส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง "มีงานมาแน่ะ" แขกพูด เจ้าของห้องจึงหันไปมองโดยละสายตาจากเป้าหมาย "น่าเบื่อ ว่ามาเร็ว ๆ"

“เนื้อหาเหมือนเดิม ลอบฆ่า”

ชายหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะผงกหัวรับคำ "ขอข้อมูล" เขาพูดสั้นๆ แล้วแขกคนดังกล่าวจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ชายหนุ่มเปิดซองออกพลางสงสัยว่าทำไมรอบนี้แขกไม่กลับออกไป "มีอะไรน่าดูนักรึ ?" เจ้าของห้องเอ่ย แขกเพียงยิ้ม ๆ

"ใบหน้าของท่านน่ะ" ดวงตาสีดำไร้แววราวกับคนตาบอดจ้องมองเจ้าของห้องซึ่งเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มร่างเล็กที่มีเรือนผมสีทองทรงรากไทรยาวระบ่า และดวงตาสีอเมธิสต์น่าค้นหา

“ออกไปได้แล้ว อีฟ" แขกยิ้มอีกครั้งพร้อมผงกหัวเบา ๆ เธอมีชื่อว่าอีฟ มีดวงตาสีดำและไร้แววราวกับคนตาบอด มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มคล้ายคลึงกับสีดำอย่างน่าอัศจรรย์ ผิวของเธอเป็นสีน้ำผึ้งเนียนสวย แต่ช่างน่าเสียดายที่หลายสิ่งหลายอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั้นถูกปิดด้วยเสื้อแขนยาวกลุ่มมือและกระโปรงยาวสีครีมครึ่งหน้าแข้งกับหมวกปีกกว้างและแว่นตาดำ อีฟหันหลังให้ชายหนุ่ม แล้วเดินออกจากห้อง "ไว้พบกันใหม่นะ เซลลอท"

เซลลอทมองประตูอยู่ชั่วครู่ราวกับจะยืนส่งหญิงสาวที่เพิ่งจากไป ก่อนจะมองบุคคลที่เป็นเป้าหมายในรูป

หญิงสาววัย 20 ต้น ๆ กำลังยิ้มไปทิศทางใดทางหนึ่งที่ไม่ใช่กล้อง ผิวสีแทนเนียนสวยนั่นตัดได้เข้ากับกรอบผมสีบลอนด์ที่หยักศกยาวละบ่า ดวงตาตกสีน้ำตาลอ่อนทรงเสน่หานั้นชวนดึงดูดให้ใครต่อใครหลงรัก รอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับเทพธิดาเมื่อสัมผัสนั้นทำให้หัวใจส่งเสียงดังหวั่นไหว ผู้หญิงในภาพกำลังยิ้มให้เขา... ผู้เป็นทูตแห่งความตาย

ดวงตาของชายหนุ่มเลื่อนลงมาที่ประวัติแล้วเริ่มอ่านอย่างใจเย็น

เวอาน เซลาส อายุ 22 ปี
เป็นบุตรสาวของมหาเศรษฐีแห่งมหานคร เซลาส
อุปนิสัยเป็นที่รักใคร่ของผู้คน อ่อนหวานนุ่มนวล มีความเป็นกุลสตรีสูง โอบอ้อมอารี
วิธีการฆ่า : จะทำยังไงก็ได้
ระยะเวลา : ก่อนเที่ยงคืนนี้
การรายงานผล : ผ่านทางอีฟ

ชายหนุ่มนาม เซลลอท เก็บเอกสารเข้าซองแบบเดิมแล้วถอนหายใจ ตอนแรกทางองค์กรสั่งให้เขาไปคบค้าสมาคมกับผู้หญิงคนนี้ ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นแค่ผลเสริมทางเศรษฐกิจ แต่กลับไม่ใช่ ที่แท้ก็เพื่อทีจะทำการลอบฆ่าได้ง่ายขึ้น แถมท่าทางดูเหมือนว่าทางองค์กรนั้นจะคอยจับตาดูเหตุการณ์ระหว่างเขากับเวอานเสียด้วย... อีฟถึงได้ยิ้มแบบนั้น เจ้าหล่อนไม่ใช่คนปกติ แถมยังชื่นชอบที่จะเห็นคนที่รักกันฆ่ากันเองเสียอีก

คิด ๆ แล้วเซลลอทก็ทิ้งตัวนอนลงกับโซฟา พร้อมเอามือขึ้นปิดตาแต่น้ำตาก็ยังคงไหลซึมออกให้เห็น

"ให้ตายเถอะ... นี่สินะ วังวนของนักฆ่า"

...รัก...
...แล้วฆ่า...
...สนองความต้องการขององค์กร...
...สนองความกระหายเลือดของตัวเอง...

แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวของชายหนุ่ม มันช่างดูราวกับรอยยิ้มของปีศาจเสียนี่กระไร

...แต่ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าหรือการรักก็สนุกไปเสียหมดจริง ๆ ...

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 2:31 pm

รู้สึกตัวว่าถูกจ้องมอง

ถึงจะถี่ แต่ก็รู้สึก

แม้อีกฝ่ายจะอยู่ห่างไกลก็ตามที

"แอซไซน์"

"หือ ?" ชายหนุ่มหันกลับตามเสียง เจ้าของนัยน์ตาสีแดงเพลิงกับเรือนผมสีรัตติกาลพูดขึ้นเสียงเชิงคำถาม

"มีคนมองเราอยู่" หญิงสาวตอบกลับ แต่สีหน้าที่ดูร่าเริงของนักฆ่ามากประสบการณ์ตรงหน้าก็ยังไม่เลือนหาย "ตั้งนานแล้ว 3 วันได้" เขาพูดแบบใจเย็น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด "นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ"

"แต่เรื่องใหญ่กว่าก็มีอยู่" เขาโต้กลับอย่างรวดเร็ว แล้วเดินต่อ

เรื่องใหญ่กว่าที่ว่า... มันก็แค่ทั้งคู่ยังหาที่พักไม่ได้เท่านั้นเอง

หญิงสาวถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ตกลงเดินทางมากับคนตรงหน้า นึก ๆ แล้วเธอก็เหลือบตามอง แต่จู่ ๆ แอซไซน์... หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำ ดวงตาสีแดงเหมือนเพลิงหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว แต่แววตาที่ขี้เล่นนั้นกลับไม่ได้ลอกแล่กอย่างเคย คิ้วเรียวของคนตรงหน้าขมวดเข้าหากัน และตั้งขึ้น "ไว้เราค่อยว่ากันเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ของเธอในที่พัก" พูดจบเขาก็ยิ้มเช่นเดิมก่อนจะชี้มือไปยังโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ที่ดูแล้วถึงกับต้องเหวอ เพราะราคามันคงไม่ได้น้อยนิด

"มัวอึ้งอะไรอยู่เล่า เข้ามาสิ" แอซไซน์เชิญชวน หมายถึงแอซไซน์ผู้เป็นนักฆ่ามากประสบการณ์น่ะ

>< +++ >< +++ ><

คำว่า "เพื่อน" น่ะไม่จำเป็นสำหรับนักฆ่าหรอก
สิ่งที่เราควรจะทำให้ชินและให้กลายเป็นอีกด้านหนึ่งของเราอยู่เสมอนั่นก็คือ ความเย็นชา ไร้ความรู้สึกรู้สา ไม่สอดรู้สอดเห็นเกินควร และที่สำคัญที่สุดคือการละเว้นซึ่งความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างล้ำลึก

>< +++ >< +++ ><

แพขนตาขยับเพื่อมก่อนจะเปิดออก เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีแดงเพลิงที่หาดูได้ยากยิ่ง แอซไซน์เจ้าของชื่อเก่าว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดที่สุดลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผ้าห่มผืนบางร่นจากอกลงไปอยู่ที่ช่วงเอว เสียงนกข้างนอกห้องอับ ๆ แห่งนี้ร้องแว่ว อีกทั้งแสงแดดสีทองอ่อน ๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ซึ่งทั้งหมดนั่นได้หมายความว่า เช้าแล้ว

เด็กหนุ่มเปิดมองผ้าม่านแบบแง้มดู -- พวกเขาเดินทางแบบอดหลับอดนอนมาเป็นเวลาเกือบสามวันก่อนจะถึงเมืองแห่งนี้ แต่เนื่องจากเป็นช่วงงานเทศกาลห้องพักต่างๆ จึงเต็มไปหมด ตอนแรกก็เกือบที่จะนอนหลับอยู่ในป่าข้างนอกก่อนจะเข้าเมืองแล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่ามีเงินมากพอล่ะก็... คงจะไม่ได้มานอนในโรงเตี๊ยมสุดหรูแห่งนี้หรอก

ความจริงเมื่อคืนเขาแทบที่จะไม่ได้หลับเลย เพราะความระแวง ทำให้ทุก ๆ หรือบ่อยครั้งจะตื่นขึ้นมาตลอด อีกอย่าง แอซไซน์ก็ไม่ได้มีทีท่าระแวงระวังตัวเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะเอะใจที่มีคนสะกดรอยตามแต่ก็นั่นแหละ เธอขาดประสบการณ์...ดูท่าว่าเธอจะไม่ได้โกหกเขาในเรื่องที่ว่าเพิ่งเคยลงมือครั้งแรกจริง ๆ

คิดๆ แล้วแอซไซน์ก็ถอนหายใจ เขาคิดถูกจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ที่เลือกคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างแอซไซน์คนนี้มาเป็นพวก -- แอซไซน์ปิดผ้าม่านลงแล้วมองไปยังหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึงอยู่ เธอนอนตะแคงข้างหลับอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง เพราะต้องการจะประหยัดเงิน พวกเขาจึงเลือกห้องเดี่ยว แต่พอมาถึงเธอกลับนอนหลับลงไปได้อย่างไม่ระวังตัวเองเลยแม้แต่น้อย

แอซไซน์มองใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวคู่หู จากนั้นจึงใช้มือปัดปอยผมที่ระข้างแก้มกัดไว้กับใบหูแทน ดวงหน้าขาวของเด็กสาวดูหมองคล้ำลงเล็กน้อยเพราะอดนอน แอซไซน์... หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำไล่มือไปกับแก้มขาวเนียน เพราะเส้นผมและเพราะหญิงสาวตรงหน้าเขาชอบก้มหน้าจึงทำให้ไม่ได้สังเกตหน้าชัดๆ คิ้วสีเทาโก่งเรียวเข้ม ริมฝีปากบางแต่สวยได้รูป จมูกเป็นสันดูกลมกลืนกับองค์ประกอบทั้งหมดของใบหน้า และรอยแผลเป็นที่หางคิ้วข้างขวา ตำแหน่งเดียวกันกับรอยแผลเป็นของเขา !

...เขาเอะใจแต่แรก

มันไม่ใช่แค่ชื่อที่เหมือนกัน

แต่เป็นทั้งใบหน้า ส่วนสูง สีผิวและตาที่ไล่เลี่ยกัน

...ราวกับว่าเธอเป็นตัวเขาอีกคน !?

"อือ..." หญิงสาวครางออกมา ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ กับความคิดของตัวเอง

"...คิดมากไปเองล่ะมั้งเรา"


หลังจากแดดตอนเช้าเริ่มอ่อนแรง ทั้งคู่ก็เดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน ถึงแม้อย่างที่รู้ๆ กันในข้างต้นว่ามันเป็นโรงเตี๊ยมราคาแพงลิบลิ่ว แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือมันยังเป็นร้านอาหารที่ราคาถูกแต่แสนอร่อยไปในตัวอีกด้วย – แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำทำตาปรือ ๆ แบบยังคงความง่วงเอาไว้อยู่ ก่อนจะตามมาด้วยการหาวเสียซักสองสามที แต่ขณะที่ทั้งคู่ลงบันไดมานั้นเอง กลิ่นหอมของอาหารก็โชยขึ้นมาเตะจมูกทำให้แอซไซน์ผู้เป็นนักฆ่ามากประสบการณ์ และอยู่ในอารมณ์ง่วงนอนถูมือเข้าหากันอย่างอารมณ์ดี

"กลิ่นหอมดีจังเลย" หญิงสาวพูดขึ้น

"อื้ม ~ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ว่าแต่ว่าเธอจำข้อตกลงของเราได้มั้ย ?"

แอซไซน์พยักหน้าตอบรับ หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาว นัยน์ตาสีแดงโลหิตตอบรับ

ข้อตกลงที่ว่านั้นหมายถึงการเรียกชื่อ เนื่องจากว่าทั้งคู่มีหน้าตาและส่วนสูงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก จะต่างกันแค่สีผม หากคนมองเผินๆ มักคิดว่าเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นแอซไซน์เจ้าของฉายานักฆ่าจึงใช้ข้อได้เปรียบตรงนั้นในการเดินทาง ให้บอกไปว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกันซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่พักหรืออะไรก็ตามล้วนแต่ไม่มากปัญหา แต่ยังไงซะ คนใดคนหนึ่งก็ต้องถูกเรียกชื่ออื่นที่ไม่ใช่ "แอซไซน์"

"ฉันชื่อ โอเมน สินะ" แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวพูด นั่นคือชื่อปลอมที่เธอจำเป็นต้องใช้
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 2:32 pm

"อ้าว ทั้งคู่ลงมาพอดีเลย จะรับอะไรเป็นอาหารเช้ากันดีครับ ?" ลูกชายเจ้าของโรงเตี๊ยมพูด เมื่อคืนมืดมากทั้งคู่จึงไม่ทันสังเกตว่าเขามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี่เอง ใบหน้ารูปไข่ของชายหนุ่มรับเข้ากับเรือนผมยาวที่มัดรวบไว้ข้างหลังสีดำ แม้จะดูมอมแมมไปบ้างแต่ก็ดูดีไม่น้อย คิ้วเข้มตรงทำให้ดูเอาจริงเอาจัง และดวงตาสีน้ำตาลนั้นก็ส่องประกายความใสซื่อ

"มีเมนูแนะนำอะไรบ้างล่ะ ว่าแต่เรายังไม่มีที่นั่งกันเลย" แอซไซน์พูดแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ที่ไม่ว่าจะมองจากจุดที่สูงตรงนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีโต๊ะว่างสักโต๊ะ

"เอ่อ... จริงด้วยสินะครับ งั้น อ่า พวกท่านพอจะรับได้มั้ยหากต้องนั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลอื่น"

"แค่ไม่แยกกันก็พอ โต๊ะไหนล่ะ"

"ครับ เอ่อทางนี้ครับ"

โต๊ะที่ทั้งคู่ต้องนั่งร่วมกับผู้อื่นเป็นโต๊ะริมในของร้าน เป็นโต๊ะไม้กลมที่มีคนอื่นนั่งอยู่แล้วเพียงคนเดียว ดูจากท่าทางแล้วคาดว่าน่าจะเป็นอัศวินของเมืองนี้ เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นชุดทะมัดทะแมงสีออกน้ำเงิน และมีตราประจำอัศวินเป็นรูปโล่สีแดงสดติดอยู่อกซ้าย แถมยังดาบใหญ่ที่สะพายไขว้หลังไว้ทำให้ชายตรงหน้าดูใหญ่โตยิ่งขึ้น

"อ่า ท่านนี้เป็นอัศวินประจำเมืองของเราครับ มีนามว่า..."

"แอสเชอร์... เรามีนามว่าแอสเชอร์" อัศวินกล่าวจากนั้นทั้งคู่จึงนั่งลง

"ผมแอซไซน์ และนี่น้องชายฝาแฝดนามว่าโอเมนครับ" แอซไซน์พูดด้วยสีหน้าเป็นมิตร ขณะที่หญิงสาวคู่หูที่ถูกเปลี่ยนชื่อยังคงสีหน้านิ่งเงียบไว้เช่นเดิม แต่ในใจเธอกลับครุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่มีคนสะกดรอยตามเท่านั้น "ทักทายเขาหน่อยสิ" เสียงกระซิบของแอซไซน์ดึงเธอให้เลิกเหม่อแล้วทำความรู้จักกับอัศวินตรงหน้า

เรือนผมสีน้ำตาลเข้มทรงรากไทรตีกรอบรับกับใบหน้าที่สวยได้รูปอย่างเหมาะเจาะ โหนกแก้มที่ไม่ใหญ่เกินไปทำให้ดวงตาคู่กลมสวยสีเดียวกันกับเรือนผมดูใหญ่ขึ้นอีกนิด คิ้วโก่งเรียวสีเข้มเป็นสิ่งที่ประดับอยู่บนใบหน้าแบบเครื่องหมายของคนอารมณ์ดี เขายิ้ม "โกหกไม่เก่งเลยนะแอซไซน์ ท่าจะหวงน้องสาวน่าดูสิท่า" อัศวินหนุ่มนามแอสเชอร์พูดแล้วยิ้ม แอซไซน์ยิ้มตอบรับ หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำ

...แนบเนียนมาก...

หญิงสาวคิด

"ทำนองนั้นแหละครับ งั้นเอาใหม่ โอเมนเป็นน้องสาวผมไม่ใช่น้องชาย"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ต้องได้งี้สิ ! คราวหน้าคราวหลังจะโกหกต้องหัดดูคนเสียก่อน อย่างข้าเนี่ย หาใช่พวกผู้ชายตาถั่วเสียเมื่อไหร่เล่า" พูดจบเขาก็ส่งสายตากรุ่มกริ่มมายังแอซไซน์... หรือจะเรียกตามชื่อปลอมว่าโอเมนก็ว่าได้ หญิงสาวเพียงแต่เมินเฉยแล้วตั้งหน้าตั้งตารอคอยอาหารต่อไป พลางเฉสายตาไปทางอื่น

"อะไรวะ ไม่มีที่เหลือให้ข้าแล้วเรอะไง !?" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น แล้วสายตาหลากหลายคู่ก็จับจ้องไปที่เจ้าของเสียง

ชายร่างอ้วนยืนอยู่กลางร้านท่าทางอารมณ์เสีย แต่จากการแต่งตัวแล้วจัดว่าเป็นคนมีฐานะดีถึงขั้นดีมาก เขามีเรือนผมสีดำและดวงตาสีเดียวกัน คิ้วหนาตั้งขึ้น และปากใหม่อวบนั้นกำลังห่อตัวเข้า ...แลไม่น่าดูเลยซักนิด

"ท่านครับ คือทางเราก็พยายามจัดหาที่..." ลูกชายเจ้าของโรงแรมพูดเสียงสั่น แต่ท่าทางและแววตาของเขายังคงฉายแววเอาจริงเอาจังเสียจนอดไม่ได้ที่จะกลัวชายอ้วนแทนเพราะขนาดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แอสเชอร์หรืออัศวินผู้ประกาศตนว่าตนไม่ได้ตาถั่วนั้นทำท่าจะยืนขึ้นแต่แอซไซน์กลับฉุดให้เขานั่งลงต่อ ดวงตาสีแดงเพลิงฉายแววระรี้ระริกเหมือนเด็กขี้เล่น ก่อนจะเอ่ยว่า

"ข้าเอง... ท่านเฝ้าน้องสาวข้าดีๆ ละกัน" แอซไซน์พูด หมายถึงคนที่แสร้งทำเป็นพี่หวงน้องพูดน่ะ -- ว่าแล้วนักฆ่าในคราบคนทั่วไปก็ก้าวลุกจากโต๊ะ พร้อมเดินไปทางที่ชายอ้วนยืนอยู่ ฝ่ามือขาวดึงไหล่ซ้ายของลูกชายเจ้าของร้านทำเอาชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเซไปเล็กน้อย แอซไซน์ผลักเด็กหนุ่มให้ล้มลงก่อนจะไปบืนประจันหน้ากับชายร่างอ้วน...ด้วยรอยยิ้มที่ดูกดดันเล็กน้อย

"แกเป็นใครวะ ไม่รู้รึไงว่าข้าเป็นใคร"

"ไม่รู้สิ ทีคุณยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใครยังกล้าย้อนอีก"

"ไอ้เด็กปาก --" ชายอ้วนง้างหมัดแต่มือที่ไวกว่าของคนมากประสบการณ์กลับผลักแขนข้างนั้นออกไป แอซไซน์ขยับตัวอย่างรวดเร็วและไม่มีสะดุดใบหน้าขาวราวรูปสลักยื่นเข้าไปประชิดก่อนที่มือทั้งสอนจะถอนออกแล้วไป ฝ่ามือขวาไขว้ทับซ้ายก่อนจะดันตรงกลางอกและไหปลาร้า แอซไซน์ใช้นิ้วสองนิ้วหน้ากดที่ไหปลาร้าแล้วจึงแสยะยิ้มเล็กๆพอเป็นพิธีก่อนจะปล่อยมือออกแล้วเดินขยับถอนหลังออกมาอย่างรวดเร็ว

ร่างชายอ้วนกระตุกสั่น ก่อนที่ไหล่ข้างซ้ายจะทรุดแล้วตามไปด้วยทั้งลำตัว ดวงตาของเขายังเปิดอยู่เหมือกับว่าไม่สามารถปิดเองได้ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งเสียงอันร้องหนวกหู แต่ยังไงก็ดูน่าสะพรึงไม่แพ้กัน แอซไซน์ยิ้มเยาะแล้วหัวเราะเบาๆ "เมื่อกี้คุณจะพูดว่า... ผมเป็นเด็กปากเสียสินะครับ"
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 2:33 pm

...
ทั่วทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบ

"นี่ เป็นลูกน้องไม่คิดจะช่วยเจ้านายเหรอ ชักช้าถึงตายเชียวนะ" แอซไซน์พูดแต่น้ำเสียงนั้นแตกต่าง ก็... หมายถึงหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวดวงตาสีแดงโลหิตผู้ใช้ชื่อปลอมว่าโอเมนพูด

แล้วกลุ่มเหล่าลูกน้องของชายร่างอ้วนต่างก็รีบพยุงร่างของเจ้านายตนออกไป แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีดำหันมาสบตากับเจ้าของร้านที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น เขายื่นมือออกไปให้ แต่แน่ล่ะใครจะไปกล้าจับกัน ชายหนุ่มปัดมือเขาทิ้งแล้วรีบวิ่งไปยังหลังร้าน แอซไซน์ส่ายหัวน้อย ๆ แต่ใบหน้ายังคงรอยยิ้มอยู่ "...รีบไปกินต่อดีกว่าเรา"


"อ๋อ ที่แท้ก็เป็นลูกชายของเจ้าเมืองนี่เอง" แอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวพูดในตอนนี้พวกเธอกำลังนั่งคุยกันเรื่องที่แอซไซน์อีกคนจัดการชายร่างอ้วนในร้านอาหารอยู่ที่พักของอัศวินหนุ่มนามแอสเชอร์ พวกเขาพักอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังเล็กๆ ท้ายตลาด แอสเชอร์พักอยู่ที่กับเพื่อนอีกสามคนซึ่งไม่อยู่ทั้งหมด ทั้งสามออกไปทำภารกิจนอกเมืองยังไม่กลับ

"ถึงว่าสิท่าทางวางก้ามขัดตาจริง ๆ แฮะ" แอซไซน์อีกคนพูดไปยิ้มไป

"ถึงหยั่งงั้นก็เถอะ ข้าว่าพวกเจ้าควรจะรีบหนีออกนอกเมืองนี้เสียจะดีกว่าก่อนที่พวกเขาจะตามเราเจอ"

"ไม่ต้องห่วงไปหรอกแอสเชอร์..." แอซไซน์ผู้เป็นนักฆ่ามากประสบการณ์พูดแล้วยิ้ม แต่หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องกลับรับรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่น่าไว้วางใจกับตัวคนตรงหน้า "หมายความว่าไง แอซ ?" เธอถามออกไปทั้งๆ ที่ในใจพอจะรู้คำตอบอยู่

"ก็พวกเขามาออกันอยู่หน้าบ้านหลังนี้แล้วน่ะสิ" สิ้นคำพูดที่พูดด้วยน้ำเสียงระรื่นหูแอสเชอร์ก็รีบพุ่งออกไปดูทางหน้าต่างและพบว่าชายร่างอ้วนพร้อมด้วยพลพรรคต่างมากันเต็มไปหมด "แย่แน่ ๆ ..." เขาพูดพึมพำ แอซไซน์ที่ยังคงนั่งยิ้มกลอกตาขึ้นไปข้างบนก่อนจะดีดตัวลงมายืนเคียงด้วยแล้วจับไหล่

"ขอโทษนะ อาชีพอัศวินของนายต้องเดือดร้อนเพราะพวกเราแท้ๆ เลย"

"ช่างมันเถอะ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่"

"ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวถ้าหากนายยอมร่วมมือกับเราด้วยน่ะ"

แล้วแอซไซน์ก็ยิ้มอีกครั้ง หญิงสาวจ้องมองคนทั้งสองแม้จะไม่รู้ว่าแอซไซน์คนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่ที่แน่ๆ... ตัวเธออีกคนก็คงกำลังคิดแบบเดียวกัน เพราะเธอหัวเราะเบา ๆ อยู่เช่นกัน...


"เปิดประตูซะดีๆ แอสเชอร์ ข้ารู้นะว่าแกรู้เห็นเป็นใจกับพวกมัน แกจ้องจะเล่นงานข้ามานานแล้วนี่ !" หมูตอนประจำเมืองเอ๊ย ! ลูกชายเจ้าเมืองพูดแล้วทุบประตู ก่อนที่สั่งให้เหล่าลูกน้องที่ตนพามาด้วยพังประตูเข้าไปแทน -- ขวานไม้ขนาดใหญ่ถูกจามทางด้านในบ้าน ปึง ! เสียงขวานจามลงไปที่ประตูไม้ ลูกน้องผู้โชคร้ายซึ่งยืนอยู่ใกล้ประตูต่างโดนขวานนั่นฟัน

ขวานบิ่น ๆ ฟันทะลุประตูเสียบเข้ากับหัวของชายคนหนึ่ง เลือดสีแดงพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ คนลงมือหรือแอซไซน์หรือจะเรียกโอเมนก็ได้นั้นเผยอยิ้มออกมา เธอกำลังตื่นและเธอกำลังหลับ แต่อย่างไรก็ดี กลิ่นคาวเลือดของชายผู้โชคร้ายก็เริ่มลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เรียกความหวาดผวาให้กับเหล่าคนหลายสิบได้อย่างดียิ่ง

หญิงสาวออกแรงมากขึ้นอีกทำให้ขวานนั้นผ่าลึกลงไป เสียงของกระโหลดหักดังเป๊าะสร้างความสยดสยองแก่ผู้ที่ยืนมองอยู่ บางคนลงไปอ้วกกับพื้น บางคนซึ่งทนดูไม่ได้พยายามเบือนหน้าหนี ขวานบั่นลึกลงไปเรื่อย ๆ จนมาถึงลูกตาข้างซ้าย แต่แทนที่ขวานจะตรงดิ่งลงไปต่อมันกลับถูกกระชากให้เบนออกไปอีกทิศทำให้ใบหน้าซีกบนซ้ายของชายผู้น่าสงสารขาดกระเด็นลงกับพื้น ร่างไร้ชีวิตกระตุกสั่น ๆ ก่อนจะล้มลงนอนราบกองเลือดของตน โลหิตสีแดงฉานกระเซ็นมาสัมผัสกับผิวขาวเนียนของคนลงมือ รูของขวานนั้นใหญ่พอที่จะทำให้หลายคนมองเห็น...

...เทพธิดาที่ยิ้มอย่างงดงามแต่แววตานั้นมีแต่แววกระหายเลือดยืนถือขวานอยู่...


"โอเมนจะไม่เป็นไรแน่เหรอ ?" อัศวินหนุ่มพูดด้วยสีหน้ากังวล

แอซไซน์นึกแล้วขำ "ไม่หรอก" เขาพูดไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ในใจกลับนึกถึงเพียงแค่ว่า... หญิงสาวจะเหลือเหยื่อให้เพียงพอต่อเขาไหมน้อ ?
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 11, 2008 2:34 pm

จำนวนคนเพิ่มมากขึ้นเพราะมีลูกน้องบางคนไปตามคนมา แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป ท้ายที่สุดแล้วก็มีนายทหารใจกล้าคนหนึ่งวิ่งกระแทกประตูไม้เข้าไป แต่เสียงร้องอันโหยหวนของนายทหารคนนั้นกลับดังขึ้นอีกในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งหมดต่างพากันยืนนิ่งไม่ไหวติง จนกระทั่งมีสิ่ง ๆ หนึ่งถูกโยนออกมาจากในบ้าน...

.......หัวของนายทหารผู้โชคร้าย

ลูกตาทั้งสองข้างกลวงโบ๋ ปากถูกกรีดเป็นแผลยาวถึงใบหูราวกับว่าชายคนนั้นกำลังยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทแต่ไร้แววดูขุ่นหมองถูกเย็บติดกับหน้าผากที่ถูกกรีดเป็นแผลยาวอย่างไร้ความปรานีตแต่ศิลปะจะมีคำไหนกันมาบ่งชัดว่ามันผิด ?

"พะ... พวกเรา ถ้า... ลุยไปพร้อมๆ กันมันคงจะทำอะไรเราไม่ได้หรอก..." ชายคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเห็นด้วยของใครหลายคน แล้วร่างของชายหลายสิบคนต่างพุ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้น

หญิงสาวนั่งจมอยู่กับกองเลือดในมือข้างหนึ่งถือขวาน มืออีกข้างหนึ่งถือแขนข้างที่มีดาบยาวของทหารผู้โชคร้ายคนเมื่อครู่ เครื่องในถูกละเลงกับพื้นราวกับเป็นหน้าตาของอาหารจานด่วนแบบใหม่ ผนังของบ้านที่เคยติดรูปภาพต่างถูกดึงออกเสียหมด เหลือให้เห็นแต่เพียงตะปูที่ยังคงติดอยู่ ดวงตาสีแดงโลหิตจ้องมองเหยื่อที่เข้ามาใหม่

ฉึก !

ดาบเล่มยาวปักกับพื้นที่ ๆ หญิงสาวเคยนั่งอยู่ แต่ความที่ไวกว่านั้นทำให้เธอหลบมาได้ทัน แอซไซน์ดึงแขนของชายคนที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ออกมาจากกลุ่มแล้วใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องน้อยให้ติดกำแพงก่อนจะบิดแขนข้างนั้นสุดแรง ! เสียงร้องโหยหวนราวสัตว์ป่าดังลั่น แต่ก็ยังมีคนได้สติตวัดดาบเข้าใส่ แต่เธอกลับผลักร่างชายที่โดนบิดแขนไปรับดาบแล้วเหยียบหลังของเขากระโดดขึ้นไปเหนือผู้ที่ตวัดดาบมาแทน

ขาอ่อนล็อกเข้ากับศรีษะก่อนจะบิดพร้อมเสียงดัง กร๊อบ ! แอซไซน์กดร่างที่ไร้ชีวิตลงแล้วเตะเข้าใส่ชายอีกคนแต่กลับถูกยึดขาไว้ได้ ชายคนนั้นยิ้ม "อย่าคิดว่าง่ายนักสิ --"

ฉึก !

ดาบยาวแทงตัดขั้วหัวใจ ก่อนจะถูกดึงออกแล้วมือที่จับขาของหญิงสาวจึงอ่อนแรงลง แอซไซน์สบัดมือนั้นทิ้งแล้วมองผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ ...แอซไซน์ที่ยืนอยู่ก็ยิ้มเช่นกัน เขากับเธอนั้นราวกับเป็นกระจกของกันและกันได้ดีเสียจริง ๆ

ในมือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างหนึ่งกำหัวของชายร่างอ้วนเอาไว้ แอซไซน์ยิ้ม "ไม่ไหวแล้วบอกนะ ข้างนอกไม่เหลือแล้ว"

..................
.............................
..........................................


แขนข้างหนึ่งถูกตอกติดผนัง ศพบางศพถูกจัดให้ห้อยหัวลง ดวงตาที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่เกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น แขนของใครบางคนถูกบิดเสียจนม้วนเข้าหาลำตัวได้ ใบหน้าที่มีเฉพาะหนังซึ่งลอกออกมาจากใครคนหนึ่งทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิตถูกประดับไว้บนเตาผิง ศพแต่ละศพถูกจัดวางให้ทั้งนั่งทั้งนอน ใบหน้าทุกคนต่างยิ้ม...ด้วยรอยมีดที่ผ่ายาวถึงใบหู เครื่องในสีแดงออกม่วงคล้ำถูกวางระเกะระกะ ลำไส้ออกมาทางปาก ใบหูที่ถูกคว้านออกวางอยู่บนจาน และข้างนอกศพที่ถูกละเลงจนเห็นแต่สีแดงของเลือดนอนอยู่ทั่วพื้นราวกับสวนดอกไม้สีแดงสดก็ไม่ปาน


"คุณแอสเชอร์ก็น่าสงสารนะ"

"ทำไมล่ะ ?"

"ก็พอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบ้านตัวเองถูกจัดเปลี่ยนให้เป็นงานแสดงบ้านละเลงเลือดคงจะสลบไสลไปเชียวล่ะ"

"เขาบอกเองนี่ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายตาถั่ว ฉะนั้นก็น่าจะพอรับได้เรื่องเธอเป็นนักฆ่ากระหายเลือด"

"หุบปากไปเลย"

"แอซไซน์..."

ทั้งคู่หันกลับแล้วพบเงาของใครคนหนึ่งทอดยาวมาถึง แสงจันทร์สีนวลเต็มดวงส่องกระทบแผ่นหลังของคนทัก ดวงตาสีอเมธิสต์ดูลึกลับจ้องมองทั้งคู่อย่างไม่วางตา เรือนผมสีทองที่ปัดเฉไปมาดูแปลกทรง รอยยิ้มแบบคนกระหายเลือดดูแปลกตาพิกล

"เรามีชื่อว่า เซลลอท ยินดีที่ได้รู้จัก"

>< +++ >< +++ ><
เอิ่มยิ่งแต่งยิ่งยาว - -a
เซลลอทกับอีฟโผล่ละ >w<~
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
SinClair

SinClair


Registered : 05/10/2008
Posts : 144

สถานะ : Ace Otaku
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue90 / 99990 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeThu Oct 16, 2008 1:16 pm

อืม *-* ผมอ่านเป็นอย่างเดียว ไม่มีความรู้เรื่องเขียนอะไรแบบนี้

แต่ช่วงหลัง ๆ ตอนหลัง ๆ การใช้คำพูดของตัวละครออกจะแนวเดียวกันหมดเลยอ่ะงับ
เลยมี งง เล็กน้อยง้ะ
ขึ้นไปข้างบน Go down
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 18, 2008 2:54 pm

อืม...เรื่องคำพูด =w="
โอเคค่ะ จะพยายามลองแก้ดู แต่ตอนนี้คงแต่งเรื่อย ๆ ~
(ลังคิดว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะวาดภาพต่อ ในคลัมีสองภาพเอง - -")

The Final Sanguinary
[บทที่ 5 – Destiny]


ฆ่าเหมือนกันแต่ความหมายช่างแตกต่าง...

>< +++ >< +++ ><

ราว ๆ หลายเดือนก่อน

เสียงฝนตกดังกระทบหู อากาศข้างนอกท่าทางจะเย็นเยียบเพราะกระจกหนามีฝ้าขึ้น ดวงตาคู่กลมสีโลหิตจ้องมองออกไปยังภายนอกอย่างไม่เบื่อหน่าย เรือนผมสีขาวโพลนดั่งหิมะยาวกว่าปัจจุบันกาลมันยาวละไล้กับบ่า ใบหน้านั้นก็ดูอ่อนเยาว์กว่าเดี๋ยวนี้อีกด้วย

แอซไซน์กำลังจ้องมองหยดฝนที่ตกไล้ไล่ลู่กับกระจกหนากันกระสุน ห้องที่เธอยืนอยู่เป็นห้องขนาดกว้างตกแต่งอย่างไร้รสนิยม เริ่มด้วยโซฟาชุดรับแขกลายดอกไม้สีครีมอ่อนแต่แสนหม่นหมอง และโต๊ะรับแขกที่ทำจากไม้ฝีมือไร้ซึ่งความปรานีต ตัวพรมที่ปูอยู่ที่พื้นเป็นสีแดงตัดกับวอลเปเปอร์สีเขียวอ่อนของห้อง เธอเคยบอกให้เจ้าของห้องเปลี่ยนการจัดห้องแบบนี้หลายต่อหลายครั้งแต่มันก็ไม่เป็นผล ก็เขาออกจะงก...อยู่หน่อย ๆ นี่นา

เธอมองเขาที่สะท้อนเป็นเงาในกระจก ใบหน้าคมคายมองลงต่ำที่หนังสือเล่มหนาปกเขียวขี้ม้า เรือนผมสีทองปัดไม่เป็นทรง ดวงตาดูเหมือนไม่สนใจใครจับจ้องอยู่กับตัวอักษรที่เธออ่านไปออกบนกระดาษหม่นแผ่นบางเฉียบ แล้วเขาก็พลิกหน้าถัดไป คิ้วขมวดเป็นปมเล็ก ๆ แสดงถึงความยุ่งยากใจ แต่แล้วเธอก็ต้องละสายตาจากเขาเพราะดวงตาคู่กลมสีอเมธิสธ์กลับตวัดขึ้นมามองเธอ แอซไซน์แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจแต่ก็ได้แค่แกล้ง เพราเธอมองเขาอยู่เนิ่นนานพอสมควรแล้ว

เสียงฝนตกกระทบไล้หน้าต่าง
.........................
เคยมีคนบอกว่า...ฝนนั้นคือน้ำตาของท้องฟ้า
แปลว่าท้องฟ้าร้องไห้หรือไร ?
เรื่องนั้น...ไม่มีใครรู้
แต่หากมันเป็นน้ำตาของท้องฟ้าที่สูงเกินใคร
มันก็น่าจะช่วย...
ชำระล้างกลิ่นคาวเลือดที่แปดเปื้อนอยู่บนมือของเขาได้
...........................
แล้วดวงตาคู่กลมสีโลหิตก็เหม่มองไปยังชายหนุ่มอีกครั้ง เขาเองก็กำลังมองเธออยู่และยิ้มให้เช่นกัน

แอ๊ด...

เสียงประตูไม้ทำเอาเธอตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกนอกจากหลบตาลง เธอรู้ดีว่าใครเข้ามาในห้อง เพราะนอกจาก 'เธอ' ก็ไม่มีใครที่เซลลอทยอมให้เข้าอีกนอกจาก 'เธอ' เธอที่ว่านั้นคือเจ้าของดวงหน้าขาวซีดกับดวงตาสีดำไร้แววใดๆฉายอยู่ราวกับนคนตาบอด เรือนผมสีรัตติกาลที่ดำมืดจนกลืนเข้ากับบรรยากาศที่ทั้งน่าเข้าใกล้และไม่น่าเข้าใกล้ รอยยิ้มเสแสร้งที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นทำเอาเธอรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่...เธออีกคนในตัวเธอกลับรู้สึกต้องตาต้องใจมันอย่างประหลาด

เธอคนที่ว่าคืออีฟ

และเธอที่ว่าอีกคนคือตัวเธออีกคน

ไม่ใช่แอซไซน์คนนี้หรอกที่เซลลอทอยากให้อยู่ในห้อง หากแต่เป็นเธออีกคนที่กระหายซึ่งกลิ่นคาวเลือด และมีมือที่แปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน...... สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็น "นักฆ่า" ...ไม่ใช่เธอแต่เป็นเธออีกคน

สับสน...เข้าใจยาก

แต่มันก็เป็นดังเช่นทุกวัน

เธอไม่รู้ว่าเซลลอทยิ้มให้ใคร เธอไม่รู้ว่าเขาคุยกับใครอยู่

เพราะบางเวลาที่เบาพูดหรือยิ้ม หรือมอง...เธอ ?

เธอคนนั้นในตัวเธอก็มักจะตอบสนองเสมอ...จนเธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขากำลังคุยกับใคร
.....................
"แอซไซน์"

เสียงนุ่มของอีฟเรียกให้เธอหลุดจากภวังค์ครุ่นคิด หญิงสาวเจ้าของดวงตาสีโลหิตกับเรือนผมสีขาวหิมะจึงกันตามเสียงเรียก ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเสแสร้งของเจ้าหล่อนโปรยให้ดังเช่นทุกครั้ง ดวงตาคู่กลมจ้องมองเธออย่างเย็นชาราวกับไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา เธอกวักมือที่เล็กและน่าถนุถนอมหากแต่กลิ่นคาวเลือดกลับโชยคละคลุ้ง แอซไซน์ค่อย ๆ ขยับตัวไปหา อีฟเองก็เป็นนักฆ่า อาจจะเก่งกว่าเซลลอทด้วยซ้ำตามที่เธอคิด

เพราะ...

ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะทำตามที่อีฟคอยสั่งทำไมล่ะ

......ความตายอยู่ใกล้มนุษย์เสมอ......

......เพียงพลั้งเผลอคุณก็ไปยมโลกแล้ว......

......ไม่กี่วินาทีนั้นเธอเองก็ได้รับรู้ถึงสัมผัสของความตายอย่างแท้จริง......

อีฟขยับมืออย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่กลมสีอเมธิสธ์ของเซลลอทเบิกมองอย่างตกใจ โลหิตสีแดงพวยพุ่งไปในอากาศ ภาพต่างๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าราวกับอยากให้เธอรับรู้ถึงความตายโดยไว ดวงตาคู่กลมสีแดงโลหิตหรี่ลงและภาพเบื้อหน้าเริ่มพร่าเลือน

...เขาว่ากันว่า อวัยวะสุดท้ายที่ยังคงทำงานอยู่ยามใกล้สิ้นลม คือ ระบบการฟัง

เธอได้ยินเสียงเซลลอทเรียกชื่อเธอ...เธอคนไหนกันแน่นะ ?

'.....แอซไซน์.....อีฟ.....เธอจะบอก.....แอซไซน์กำลังมา'

แต่เธอไม่ตายล่ะ

เธอจึงหนี

และไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็ได้รู้ว่า เขาไม่ได้พูดถึงเธอหรอก

เขาพูดถึงนักฆ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาล ดวงตาคู่กลมสีแดงเพลิง นักฆ่าผู้อยู่เหนือใครในโลกมืด ที่ผู้คนขนานนามให้ว่าเป็นนักฆ่าผู้เหี้ยมโหดที่สุดนี่ต่างหากเล่า

แอซไซน์คนตรงหน้าเธอต่างหากเล่า

>< +++ >< +++ ><

เปรียบดังกงล้อแห่งชะตากรรมที่หมุนเวียนวนไร้สิ้นสุด
เปรียบดังเส้นขนานที่ไร้ซึ่งวันบรรจบกัน
เปรียบดังความเป็นจริงเบื้องหน้าที่มีผลความเปลี่ยนแปลงถูกขีดคั่นเพียงเส้นใยแสนบางเบา
เปรียบความเป็นจริงเบื้องหน้าและโชคชะตาดังตัวของฉันและตัวของเธอ
แอซไซน์...

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 18, 2008 2:56 pm

เรือนผมที่ไว้สั้นลงสีทองอร่าม ดวงตาคู่กลมสีอเมธิสธ์ที่ไม่บ่งบอกสิ่งใด คิ้วเข้มที่ตั้งตรง เขาคลี่ยิ้ม เซลลอทกำลังยิ้ม

>< +++ >< +++ ><


...

"เธอกำลังหนีงั้นเหรอ หนีอะไรล่ะแอซไซน์ ?" เจ้าของเสียงพูดนั้นเป็นชายหนุ่ม เขายืนอยู่บนเนินเขา และมุมปากกำลังยิ้ม
"บอกไม่ได้"
เขาไม่ได้ตอบอะไรอีกแล้วล่ะ
"...แต่ฉันกำลังล่า"
จบประโยคร่างกายของฉันก็สั่นสะท้าน ความกลัวแล่นพล่านทันที ถ้าสิ่งที่เขาล่าไม่ใช่ฉันก็คงดี
"ถ้าสิ่งที่เราล่าและหนีเป็นสิ่งเดียวกันก็คงดีสิ" เขาพูดอีกครั้ง
สังหรณ์ใจไม่ดีเลย รู้สึกว่า 'เธอ' ที่อยู่ในร่างนี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

...

>< +++ >< +++ ><

"นาย... เซลลอท อุตส่าห์ออกมาต้อนรับเชียวรึเนี่ย ?" แอซไซน์กำลังพูด หมายถึงเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลกำลังพูด ความรู้สึกเก็บกดที่เคยเก็บไว้นานแสนนานในร่างเล็กกำลังพลุ่งพล่านราวกับว่าพายุลูกใหญ่จะโหมกระหน่ำ เธอไม่กล้ามองเขา เพราะความรู้สึกกดดันเหล่านั้น เหล่านกกาพากันบินว่อน กระทั่งเสียงกรีดร้องของสัตว์ป่าก็ดังแว่วมา

เธอมองไปยังเขา และเห็นความเปลี่ยนแปลง

มือที่เคยเรียวยาวกลับแปรเปลี่ยนเป็นมือสัตว์ร้ายสีดำสนิท เล็บยาวแหลมยื่นออกมา เกล็ดดำเมี่ยมปรากฏให้เห็น ส่วนที่เคยเป็นสีขาวของนัยน์ตากลับกลายเป็นสีดำ ส่วนที่เป็นสีแดงเพลิงกลับเข้มจัดยิ่งกว่าเดิมจนเกือบจะเป็นสีโลหิต ! เคี้ยวสีขาวยื่นออกมา ที่ช่วงลำคอขนที่เงินวาววับเลื่อมค่อย ๆ เกิดขึ้นมาให้เห็นพร้อมกับเกล็ดสีดำ เสียงขู่ในลำคอดังเบาและค่อยแต่คงความน่าสะพรึงไว้ได้เต็มเปี่ยม เธอเห็นว่าเซลลอทชักยิ้มเครียด หน้าของเขาตึงขึ้น ท่าทางศึกนี้จะยาวนาน

ขอโทษนะ
แอซไซน์
ฉันว่าไม่ดีเอาเสียเลยที่คนที่เราล่าและหนีเป็นคนเดียวกัน
ขอโทษนะ
ฉันรักษาสัญญาไม่ได้ แต่ไม่มีคำว่าเพื่อนในหัวของนักฆ่านี่นา
ดังนั้น
ขอโทษอีกครั้งนะ

"แอซไซน์..."
เสียงคุ้นหูแต่ไม่น่าถวิลหาดังใกล้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เธอกำลังจะหนีแต่ก็ไม่ต่างอะไรกับกระต่ายป่า ที่แม้ฝีเท้าจะดีเพียงไรก็ไม่อาจเอาชนะนักล่าได้... เธอเป็นดังผีเสื้อราตรีที่พิษร้ายแรง...เสือในสีดำสนิทที่มีดวงตาคมกริบคอยจับจ้องเหยื่อ...เหยี่ยวที่มีกรงเล็บอันแหลมคม

เปรียบจนรู้สึกได้เลยว่า...เธอกำลังจะสัมผัสกับความตายอย่างชิดใกล้อีกครั้งแล้ว !

"เอาล่ะ 2 ต่อ 2 แล้ว เราคงได้สนุกกันนะ แอซไซน์" หญิงสาวพูด -- นางพญาผีเสื้อเบื้องหน้าพูด

>< +++ >< +++ ><

เสียงสายลมแผผวนปรวนแปร อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว อากาศที่เป็นช่วงก่อนหน้าฝนฟ้าจะร่วงหล่น ร่างเล็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามพื้นถนนสีหม่นหมอง ดวงตาคู่กลมสีแดงก่ำกวาดมองรอบกายอย่างหวาดผวา ในมือนั้นถือแผ่นกระดาษยับยู่ยี่อยู่ เขาหรือเธอสวมชุดเก่า ๆ สีน้ำตาลเปลือกมัน ชุดนั้นเปราะเปื้อนไปด้วยโคลนและสายฝนอันเย็นเยียบ ดวงตาที่เล็กกลมนั้นหางตาตั้งขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่โดดเด่นของใบหน้ามีเพียงดวงตาเท่านั้น เพราะส่วนอื่นๆถูกบดบังด้วยฮู้ดคลุมหัวสีน้ำตาลนั่นเสียหมด

เขากำลังวิ่ง หอบ และเหนื่อยล้าอ่อนแรง เขากำลังต้องการอาหารและเครื่องดื่มแก้กระหาย แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากวิ่งไปจนกว่าจะถึงจุดหมาย เขาวิ่งผ่านหมู่บ้านออกนอกตัวเมืองมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กหันล่อกแลกก่อนจะถอดฮู้ดนั้นออก เผยให้เห็นเส้นขน...สิ่งที่น่าจะเรียกว่าเส้นขนมากกว่าเรือนผม เส้นหนาและแข็ง หยาบและสาก สีน้ำตาลทอง มันมีอยู่เต็มไปหมด นับแต่ส่วนที่ควรจะมีเส้นผมเลื้อยไปยังจุดแถบคาง นอกจากนั้นใบหน้าส่วนอื่น ๆ ก็ยังคล้ายคลึงกับมนุษย์อยู่ คิ้วของเข้าดกและมีสีเดียวกับเส้นขนทั้งยังมีความยาวกว่าปกติเล็กน้อย มือที่สั่นเทายื่นออกมาจากเนื้อผ้า มันเป็นมือธรรมดาดูจากมือนี้แล้วพอทราบอายุได้ว่าเป็นคนที่มีอายุมากพอสมควรกับความเหี่ยวย่น แต่ไม่นานสภาพของมือก็เปลี่ยนไปอีก จากมือของมนุษย์กลับกลายเป็นของสัตว์ร้าย เหมือนดังอุ้งเท้าของสิงโต ! เล็บแต่ละเล็บยื่นออกมา ขนเส้นเล็กค่อย ๆ งอก จากนั้นเขาจึงลงไปยืนสี่ขาและออกวิ่งไปในยามราตรี แผ่นกระดาษเปลี่ยนเป็นคาบแทนถือ

ดวงตานั้นมองฝ่าไปในความมืด ร่างเล็กที่มีแผงขนสีทองทะยานเข้าสู่เขตป่าไปในความมืดมิด
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeSat Oct 18, 2008 2:57 pm

>< +++ >< +++ ><

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วสลายไปอย่างนั้นจริงหรือ ?
แต่เอาจริงๆ นะ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป
ไม่อย่างนั้นฉันกับเธอจะมาพบเจอกันได้ยังไงล่ะ
หรือว่าเราทั้งคู่ต่างไม่มีที่มาที่ไปกันเลยมาพบเจอกัน ?
ถ้าอย่างนั้นที่มาที่ไปของพวกเราก็ต้องเป็นสิ่งที่ไม่มีที่มาที่ไปน่ะสิ

>< +++ >< +++ ><

โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วอาณาบริเวณ กรงเล็บสีดำสนิทอาบไปด้วยเลือดของศัตรูเบื้องหน้า ดวงตาคู่กลมสีแดงเพลิงที่ดูลุกโชตช่วงด้วยความกระหายเลือดยิ่งกว่าเก่านั้นราวกับปีศาจที่กำลังเริงร่าในกองไฟก็ไม่ปาน รอยยิ้มราวกับจิตวิกลจริตนั้นยิ่งทำให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่นต่อคนตรงหน้ามีมากขึ้น...ความหวาดหวั่นต่อความตาย

แอซไซน์เจ้าของฉายานักฆ่าผู้เหี้ยมโหด ตวัดกรงเล็บไปเบื้องหน้า เซลลอทหลบแล้วใช้แขนข้างซ้ายขึ้นปัด โดยที่แขนอีกข้างวาดออกไปเพื่อเพิ่มความสมดุลของร่างกาย ในพริบตาเดียวช่องโหว่ช่วงสีข้างก็ปรากฏ เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลจึงพุ่งร่างเข้าใส่ มือขวาถูกยกขึ้นมากันแม้รู้ว่าตนเองจะต้องเสียหลักก็ตามทีแต่อย่างไรซะเพื่อชีวิตที่อาจจะยืดยาวต่อไปได้อีกนิด แต่ความคิดนั้นกลับผิดพลาด !

แขนสีดำที่ตะปบลงเป็นเพียงสิ่งล่อหลอก แอซไซน์เตะตวัดขาฟาดเข้ากับสีหน้าพร้อมกับอาศัยจังหวะที่เผลอตกใจกับอาการเจ็บของคู่ต่อสู้ใช้กรงเล็บนั่นกดลงตรงหัวไหล่ เลือดสีแดงทะลักออกมาจากความแรงที่กดเบียดเสียดเนื้อลงไป เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากปากของเจ้าของดวงตาคู่กลมสีอเมธิสต์ เลือดสีแดงกระอักออกมาจากปาก กลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้งให้ชวนคลื่นไส้ ร่างบางเซไปเล็กน้อย แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเท่านี้ เขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้รอดไปได้หรอก

แอซไซน์พุ่งเข้าใส่อีก ทว่ารอบนี้มันไม่เป็นดังสิ่งที่เขาคิด

เซลลอทตวัดแขนทั้งสองข้างลงยันมือข้างที่ตะเคียงไปแล้วโค้งตัวขึ้นงอเพื่อหลบการโจมตีก่อนจะถีบกลับ แอซไซน์หลบเบี่ยงตัวอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องชะงักด้วยความตกใจคือรอยเลือดที่ไหลอาบแก้ม... แม้เป็นแผลบางๆ แต่ก็อดที่จะนึกไม่ได้ว่าเขาทำได้อย่างไร !?

เซลลอทลุกขึ้นยืน ระยะห่างที่ทั้งสองทิ้งช่วงนั้นทำให้ต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอการลงมือของอีกฝ่าย แต่น่าแปลกใจเหลือเกิน... เซลลอทเองก็เช่นกัน กรงเล็บที่ดูราวกับไม่ใช่มนุษย์ในมือข้างซ้ายก็เช่นกัน

"โชคชะตาของพวกเรา กงล้อนั้น เริ่มหมุนแล้วนะ...การเล่นสนุกก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ละกัน แอซไซน์..."

แล้วสายลมก็พัดผ่าน

ร่างบางก็จางหาย

ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งกลิ่น ไร้ซึ่งสิ่งใด ๆ

ที่จะบ่งบอกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ได้

แล้วแอซไซน์ก็สบเข้ากับดวงตาสีแดงโลหิต ทั้งคู่มองกัน สายฝนชโลมลงมา

กลิ่นคาวเลือดไม่เคยถูกชะล้าง มันไม่ได้หายไปไหน...

เพียงแต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันหายไปแล้วมันก็กลับมาใหม่ ราวกับโชคชะตากำลังเล่นตลกกับชีวิตเรานี้

>< +++ >< +++ ><
จบแล้ว รอบนี้แต่งเพื่อให้ตัดฉากไปฉากต่อไปแบบง่ายๆ น่ะ
จะว่าไปรอบนี้ไม่มีฉากเลือดสาดเลยแฮะ - -"
สั้นนิดนึง (ก็สั้นกว่าตอนที่แล้วอะ)
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Jan 06, 2009 9:23 pm

The Final Sanguinary
[บทที่ 6 -- Blood – Red]




กร๊อบ...กร๊อบ...แกร๊บ...

มันน่าสะอิดสะเอียน...

เสียงเหล่านั้น...เสียงเพลิงไหม้ที่ค่อย ๆ เผาความมีชีวิตทิ้งไปให้กลายเป็นเพียงสิ่งที่เสมือนไม่ใช่สิ่งใดๆ

ภาพเปลวเพลิงลุกโชติช่วงตราตรึงอยู่ในความทรงจำส่วนลึก สีส้มอ่อน สีแดงเข้ม สีฟ้า สีเหลือง หลากสีสันละลานตาล้วนรวมอยู่ในเปลวเพลิงนั้น

คุณเคยหลงใหลในความงามของเพลิงบ้างไหม...เคยจ้องมองมันด้วยความใคร่อยากรู้ - ใคร่อยากเห็นบ้างหรือเปล่า...เปลวเพลิงนั้นค่อย ๆ ลุกไหม้ แผดเผาทุกสรรพสิ่ง ลมโต้มากองไฟก็โหมกระหน่ำแรงขึ้น ดูน่าหวาดหวั่นพร่ำพรึงทว่ามันก็ช่างชวนให้หลงใหลในรูปลักษณ์ของการทำลายอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

เด็กน้อยร่างเล็กคนหนึ่งยืนอยู่หน้าซากปรักหักพังที่บัดนี้ลุกท่วมไปด้วยทะเลเพลิง เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังพลิ้วไสว สะเก็ดไฟประจุเล็กๆ เกิดขึ้นรอบกองเพลิง เขายืนอยู่ที่นั้น มองบ้านที่กำลังมอดไหม้อย่างรวดเร็ว เขาเห็นร่างของใครคนหนึ่งวิ่งฝ่าเปลวเพลิงออกมา ร่างนั้นมอดไหม้ไปด้วยเพลิงสีส้ม เสียงไฟปะทุเสียดสีดังกร๊อบแกร๊บ

เด็กน้อยยิ้มเหี้ยม มุมปากทั้งสองยกขึ้นสูงราวกับภาพตัวตลกกำลังหัวเราะร่า

"โชคชะตาคงบันดาลให้มันกับผมมาคู่เคียงข้างกัน" เด็กน้อยเอ่ย น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลทว่าชวนให้เหน็บหนาวใจแม้อยู่เคียงกองเพลิงขนาดใหญ่ ดวงตาคู่กลมของเด็กน้อยเป็นสีส้มประกายสีเหลืองทอง ราวกับว่ามีกองเพลิงกำลังร่ายรำอยู่ภายในนั้น

ร่างที่ถูกเพลิงเผาไหม้เอ่ยคำสุดท้ายที่เขาจะได้พูดออกมา "...แอซไซน์"

แล้วเด็กน้อยจึงยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีพลางจ้องมองกองเพลิงนั้นต่อไป

>< +++ >< +++ ><


กริ๊ง...

เสียงกระพรวนดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวหันกลับไปมอง แล้วดวงตาคู่กลมสีโลหิตนั้นต้องหรี่ลงด้วยความแปลกใจ เพราะสิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเธอ คือ ลูกแมวตัวสีดำสนิท ตากลมของมันเป็นสีเขียวอ่อน และที่คอนั้นมีกระพรวนลูกใหญ่ห้อยอยู่

ความจริงการที่แมวจะเข้าหาคนปกติก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทว่านั่นไม่น่าใช่กับเธอ ไม่ใช่กับแอซไซน์ สัตว์นั้นจะมีสัญชาตญาณที่ไว ไม่น่าเว้นกระทั่งกลิ่นคาวเลือกที่รุนแรงของเธอไปได้ กลิ่นที่รุนแรง น่าสะอิดสะเอียน ที่ไม่มีวันจะลบออกไปได้หมดสิ้น แต่ลูกแมวตัวนี้กลับเดินตรงเข้ามาเลียมือเธอ !

"เมี้ยว" มันร้องเบา ๆ แอซไซน์จึงคลี่ยิ้ม – เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าเธอมานานนัก

"...แอซจะเป็นอะไรรึเปล่านะ"

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเบากว่าเคย ดวงตาคู่สีโลหิตจับจ้องไปที่ลูกแมวซึ่งบัดนี้เดินมานอนบนตัก สักพักร่างของมันก็สั่นสะท้านแล้วกระโดดหนีไป ส่วนเจ้าของเรือนผมสีหิมะกลับกำลังยิ้ม ทว่านั่นไม่ใช่ของเธอ หมายถึงมันเป็นของ "เธอคนนั้น" เป็นรอยยิ้มที่กำลังยิ้มด้วยอารมณ์กระหายเลือด

แอซไซน์หรี่ตาลงอีกครั้ง เธอในตอนนี้ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเธอคนนั้นที่กำลังกำลังกระซิบด้วยเสียงหวาน

...มาฆ่ากันเถอะ...

แล้วแอซไซน์ก็ก้มหน้าร้องไห้ แต่เธอกำลังอยู่ข้างใน ส่วนเธอคนนั้นอยู่ข้างนอก มือของเธอกำลังจะเปื้อนเลือดอีกครั้ง ปากของเธอจะยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ดวงตาของเธอจะสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นกับการลงมือ
แอซไซน์เดินไปข้างหน้า – แต่เธอไม่ใช่เธอ นั่นสินะ ต้องเป็นเธอคนนั้นกำลังเดินไปข้างหน้า.....

>< +++ >< +++ ><

เขากำลังนั่งชันเข่า...เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาล ดวงตาสีแดงเพลิงกำลังนั่งชันเข่า ตัวเขาโยกเอียงไปมาตามจังหวะ แต่ไม่ใช่หรอก มันเป็นเพราะเขาอยู่บนรถสำหรับบรรทุกต่างหาก รถบรรทุกกำลังแล่นผ่านถนนหินขรุขระ ยิ่งรถขับไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งห่างจากผู้คน แต่ทางข้างหน้าก็มีผู้คนอีกมากมายเช่นกัน

อีกไม่กี่นาทีรถคันนี้จะจอดเทียบท่าเรือ จากนั้นเขาจะถูกย้ายไปอยู่บนเรือโดยสารต่อ จุดมุ่งหมายของเขาอยู่บนเกาะอันโดดเดี่ยว บนเกาะนั้นมีกำแพงสูงสีขาว ตัวอาคารสีเดียวกันมีความซับซ้อน ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเพื่อรอเพียงความตาย เด็กชายไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมานานแล้ว รอยยิ้มของฆาตกรฉาบทับบนหน้าเยาว์วัยนั้น

รถคันนี้เป็นรถบรรทุกนักโทษ จุดหมายปลายทางคือแดนประหารสีขาว หรือ คุกคุมขังสีขาว เด็กชายกำลังฮัมเพลงที่ใครบางคนเคยฮัมตอนลงมือกับเด็กหญิงชื่อโรส เขาคิดว่าเขากำลังช่วยให้งานของพวกที่แดนประหารสบายขึ้นอีกหน่อย เด็กชายยิ้ม เจ้าของนัยน์ตาสีแดงเพลิงกำลังยิ้ม บนใบหน้าเขามีเลือดของใครหลายคนติดอยู่ ทั้งเส้นผมที่มีเลือดเกราะกรัง ทั้งเสื้อผ้าสีเทาสีเต็มไปด้วยสีแดง รถบรรทุกที่น่าจะบรรทุกนักโทษ 13 คน บัดนี้กลับเหลือกนักโทษเพียง 1 และเศษชิ้นส่วนมนุษย์อีกนับชิ้นไม่ถ้วน

จุดหมายปลายทางของรถคันนี้คือที่คุมขังสีขาว

เขากำลังจะไปย้อมสีขาวให้กลายเป็นสีแดงเหมือนดวงตาของใครคนหนึ่ง

เด็กชายยิ้มครู่หนึ่ง แล้วจึงฮัมเพลงต่อไป

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Jan 06, 2009 9:24 pm

แต่แรกแล้วการร่วมมือกับแอซไซน์นับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพียงแค่โดนดวงตาที่มีสีโดดเด่นราวเพลิงที่เริงร่ากับคำพูดชัดชวนเพียงสั้น ๆ กลับยอมร่วมมือกันเสียแล้ว

ทั้ง ๆ ที่จุดมุ่งหมายของเธอกับเขาต่างกัน ไม่น่าเหมือนกันโดยสิ้นเชิงแล้วแท้ๆ แต่กลับเกี่ยวข้องกันอีกจนได้ เป้าหมายของเขาคือการล่า เป้าหมายของเขาคือเซลลอท คือคนที่น่าคะนึงถึง คือ...

คนที่เกลียดชังจับใจ

สำหรับตัวของฉันซึ่งถูกตามล่าอยู่แล้ว ถูกล่า หลบหนี แต่กลับกลายเป็นว่า ระยะนี้มันรุนแรงมากขึ้น หลายครั้งที่มองหน้าของแอซไซน์ยิ่งชวนให้สับสนเหมือนคราที่เซลลอท เหมือนที่อีฟมาพูดด้วย ทุกอย่างชวนให้รู้สึกสับสนว่าทุกคนกำลังพูดกับเราหรือว่า กำลังพูดกับ

เธอคนนั้น

...

เวลานี้คือยามกลางวัน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ นี่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ผู้คนก็ยังดูเยอะอยู่ดี

เรือนผมสีขาวลู่ไปตามลมเย็นเบา ๆ ดวงตาคู่กลมสีโลหิตดูเลื่อนลอยอย่างที่เป็นบ่อยๆ รอยยิ้มไม่น่าพึงประสงค์ประกฎขึ้นประดับบนใบหน้า ยิ่งชวนให้คิดว่ากำลังสนุกอะไรนักหนา

หัวสมองขาวโพลนว่างเปล่า แต่บางครั้งสีขาวของความว่างเปล่าช่างน่ากลัวจับใจเหลือเกิน แต่กับเธอคนนั้นไม่ใช่ ความรู้สึกอุ่นและชื้นกำลังเรียกร้องให้เดินหาเหยื่อ สายตาของนักล่าจับจ้องไปทั่ว แต่ยังไม่ปรากฏให้เห็นเหยื่อแม้สักคน

แต่หากอยากได้แล้ว ย่อมต้องได้ตามต้องการ

แอซไซน์ หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีขาวเดินไปท่ามกลางฝูงชน คล้ายกับสุนัขป่าที่สวมหนังของแกะพร้อมมองหาเหยื่อด้วยสายตาหิวกระหาย

สิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุดในยามนี้เหนือสิ่งอื่นใดคือ เลือด...เลือดที่เป็นสีแดงสด

>< +++ >< +++ ><

แสงตะวันสาดเข้ามาในตัวรถ กลิ่นชวนคลื่นเหียนโชยออกไปชวนให้อยากสำรอกของในท้องออกมา ร่างองเด็กชายเปราะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่หาใช่เลือดของเขาไม่ เรือนผมสีรัตติกาลต้องแสงสะท้อนมองให้เห็นเลือกที่เกราะกรัง รอยยิ้มของนักฆ่าโรคจิตกำลังกระตุกคาไว้

ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาจึงได้รู้สึกว่าอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

ผู้คุมรถที่เห็นสภาพภายในตัวรถคนหนึ่งถึงกับลงไปอ้วกที่พื้น ส่วนอีกคนหนึ่งทำเพียงยืนค้างด้วยสีหน้าหวาดกลัว ขยะแขยง และไม่สามารถบรรยายออกมาถูกได้ ยามที่เห็นสภาพดังนั้นต่างกรูกันเข้ามา นักโทษจากรั้วอีกฝั่งมองลอดลูกกรงด้วยสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น บ้างด้วยสายตานึกสนุก บ้างด้วยสายตาเลื่อนลอยอย่างไร้จุดหมาย

แล้วแอซไซน์ หมายถึงแอซไซน์เจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลจึงเดินลงจากรถ

“หยุด ! อย่าขยับ” เสียงยามร้องเตือน กระบอกโลหะถูกชี้ใส่หน้า

“พวกนายนั่นแหละอย่าขยับ” รอบนี้เสียงที่เล็กและสั่นเครือพูดออกมา สายตาหลากคู่เลี้ยวหันไปจับจ้องเจ้าของเสียง ชายชุดคลุมน้ำตาลตัดกับตึกสีขาว ฮู้ดสวมปิดใบหน้า มีเพียงเส้นผมสีน้ำตาลหนากับใบหน้าที่หยาบกร้านที่ปรากฏให้ประจักษ์ เช่นกันกับร่างกาบสูงใหญ่กำยำในผ้าคลุมนั้น

“ตามฉันมาแอซไซน์ อยากพบฉันไม่ใช่รึไง”

“...แน่นอนอย่างยิ่ง บลัด เรด (Blood -Red) ด้วยความยินดีที่เชื้อเชิญเพื่อนเก่าอย่างฉัน”

“คุณเมลครับ เด็กคนนี้เค้า...!!” ทหารยามคนหนึ่งที่ได้สติทักท้วง แต่ดวงตาคู่เรียวสีน้ำตาลใต้ฮู้ดนั้นกลับตวัดมามองเสียก่อน “คำสั่งจากเบื้องบนสูงสุด ฉันมีความจำเป็นต้องสนทนากับนักฆ่ารายนี้”

“นักฆ่า ? ผมสีรัตติกาล ตาสีแดงเพลิง หรือว่า !?”

“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมที่สุดเมื่อสองปีก่อนยังไงเล่า” เมลพูดเป็นครั้งสุดท้าย

เมลเดินนำแอซไซน์เข้าไปในอาคาร เด็กชายเดินตามไป รอยเท้าที่เปื้อนเลือดย่ำไปตามพื้นสีขาว สีแดงของเลือดติดตามพื้นนั้นไป ชั่วครู่หนึ่งทหารยามที่พูดทักนั้นกลับนึกถึงสิ่งน่าพรั่นพรึงมาได้ว่า รอยเลือดนั้นอาจลบไม่ออกไปนานแสนนาน เขาเผลอนึกไปไกลถึงว่ารอยเลือดอาจจะแผ่ขยายไปทั่วเกาะสีขาวแห่งนี้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดจากความตั้งใจของแอซไซน์เท่าไรนัก

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeTue Jan 06, 2009 9:26 pm

ทางเดินสีขาวทอดยาวไป เพดานสีขาวกับการจ่ายแสงสว่างรูปแบบสี่เหลี่ยม ผนังสีขาว พื้นสีขาว ทุกอย่างล้วนขาวโพลนไปหมด เป็นสีบริสุทธิ์ที่ไม่เหมาะกับแดนประหารโดยแท้.....

เสียงเดินเท้าของคนสองคนสะท้อนเป็นระยะ ยิ่งเดินไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าของผู้อื่นน้อยลง ยิ่งเดินลึกไปเท่าไหร่ กล้องที่คอยจับจ้องและสอดส่องยิ่งน้อยลง จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเก็บอุปกรณ์ทดลองที่เขียนหน้าห้องไว้ว่า

A – 00

เมลหยิบกุญแจมาไขแล้วประตูห้องจึงเปิดออก ไอควันสีขาวโชยออกมาจากช่องว่างของบานประตู บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจภายในห้องที่ดูเหมือนห้องเก็บอุปกรณ์ธรรมดาชวนให้รู้สึกขนลุกซู่ ดวงตาสีเพลิงจับจ้องเข้าไปทางช่องว่างของประตู

แม้จะมีควันอยู่เต็มไปหมดก็ตามแต่แอซไซน์ก็พยายามที่จะเพ่งมองฝ่าควันนั้น

“นี่คือห้องทดลองส่วนตัวของฉัน ตามเข้ามาสิ” เมลกล่าวพร้อมเดินนำ

ข้างในห้องไม่คนแม้แต่คนเดียว มีเพียงแต่อุปกรณ์นานัปการตั้งวางเอาไว้ เมลเดินจนมาสุดทางที่กำแพงว่างเปล่า แล้วเขาจึงพูดพึมพำพร้อมกับกดมือลงกับกำแพงว่างเปล่าตรงหน้า -- กำแพงเลื่อนเปิดออก รอยของประตูลับถูกทำไว้อย่างแนบเนียนแม้สายตาของเขาก็ไม่อาจจะมองรู้ได้ในทันที

ประตูเลื่อนเปิดออกเป็นชั้น ๆ ทีละชั้น

“ประตูเลื่อน 5 บาน”

“เพื่อไม่ให้รู้ว่ามีอีกห้องหนึ่งซ่อนอยู่ เมื่อกี้ฉันคงพูดพลาดไป นี่ต่างหากห้องทดลองของฉัน”

ภาพเบื้องหน้าเป็นห้องขนาดกว้างสีขาวปลอดเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ซึ่งคาดว่าทุกๆส่วนของสถานที่แห่งนี้คงเป็นสีขาวเหมือนกันหมด ชั้นวางที่มีล้อเลื่อนตั้งขวดโหลใส่ของเหลวและวัตถุรวมถึงสิ่งที่ชีวิตและไม่มีชีวิตหน้าตาแปลกประหลาด

แอซไซน์มองไปรอบ ๆ ห้อง เขาสูดสายใจลึก ๆ ก่อนจะหลับตาลง เมลเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย “ฉันกลับมาแล้ว...ห้องที่ให้กำเนิดฉัน”

“การที่นายมาแบบนี้หมายความว่านายเจอเซลลอทแล้วสินะ”

“ใช่ รวมถึงอีฟด้วย เมลฉันมีเรื่องอยากจะถามนายเพิ่มอีก”

“ว่ามา”

“นายได้ทำการโคลนร่างฉันหรือสร้างสิ่งมีชีวิตแบบฉันขึ้นมาอีกไหม ?”

“…ฉันไม่ได้ทำ ตั้งแต่โปรเจ็คการสร้างสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งนั่นล่มไป ก็มีตัวทดลองเพียง 6 ตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอดต่อมาได้ ไม่สิ ต้องบอกว่าตัวทดลอง 5 ตัว”

“เพราะฉันเป็นผลลัพธ์ที่ 6 ที่ไม่น่าเกิดขึ้น”

“แต่นายก็เกิดขึ้นมาแล้ว และท่าทางจะพอใจกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบนั้นไม่น้อยนี่”

“ต้องขอบคุณ ‘พ่อ’ ที่ส่งมอบลักษณะทางพันธุกรรมด้านความนึกคิดมาให้ด้วย”

“แล้ว อยู่ๆ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ ไปเจออะไรมางั้นเหรอ ?”

“เจอสิ่งที่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ 7 ที่ไม่น่าเกิดขึ้นไงล่ะ” แล้วก็ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกอยากจะยิ้มเสียเหลือเกิน อยากจะยิ้มด้วยแววตากระหายเลือด

“งั้นขอเอาชื่อฉันไว้เป็นเดิมพัน บลัด เรด คนนี้จะค้นคำตอบมาให้เอง”

“ฉายานั่นถ้าฉันไม่พูดสะกิดขึ้นมานายจะยังเรียกตัวเองแบบนั้นไหมล่ะ

“ไม่...ไม่เรียกอย่างแน่นอน” แล้วเมลจึงยิ้มด้วยอีกคน

แม้ว่าจะเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกันก็ตาม

>< +++ >< +++ ><

บ้านนั้นไร้คน

ไม่ใช่หรอกบ้านนั้นมีคนอยู่ เพียงแต่บ้านนั้นกำลังจะไร้คนอยู่

อาจจะแค่ตอนนี้ชั่วคราวหรือตลอดไป บ้านนั้นอาจจะยังคงอยู่หรืออาจไม่อยู่

บ้านไม้เก่า ร่างของเหยื่อนอนหลับโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ร่างของผู้ล่ายืนอยู่เหนือร่างนั้น

ชายหนุ่มหลับอยู่อย่างสงบ หนังสือวางค้างไว้เหนืออก แว่นตาที่สวมอยู่บนหน้าเฉไปเล็กน้อย เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนน่าสัมผัสตัดยาวระต้นคอ แล้วเปลือกตาจึงเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลใส จากนั้นมันจึงเบิกโพลงด้วยความตกใจกับการมาเยือนของคนแปลกหน้า

ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากเบาะนั่งที่ตนเผลอหลับไป แล้วยืนหันหน้าเข้าหาหญิงสาวเจ้าของผมสีขาวดวงตาสีโลหิต และเป็นเจ้าของรอยยิ้มที่น่าหวาดหวั่น

“เธอเป็นใคร”

“แอซไซน์ คือชื่อของฉัน”

“ไม่ใช่ คือ เธอเข้ามาได้ยังไง”

หญิงสาวไม่พูดแล้วเดินตรงเข้าหาเหยื่อที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรแม้แต่น้อย “ฉันเข้ามาตามความฝันของเธอไง”

...ตามความฝันร้ายที่เหมือนดังตกนรกทั้งเป็น...

>< +++ >< +++ ><

“จริงสิเมื่อ 2 ปีก่อนหลังจากที่นายหายตัวไป 1 เดือน มีข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้คฤหาสน์ของตระกูลชื่อดังในเขตตอนเหนือ”

“แล้วนายจะบอกอะไรฉันล่ะ บอกมาตรง ๆ ดีกว่าเมล ไม่เอาน้ำๆ น่า”

“มันเป็นการวางเพลิง วางเพลิงในฤดูหนาว รู้ไหมศพของคุณชายคนโตประจำตระกูลน่ะเป็นศพเพียงศพเดียวที่ไม่ได้อยู่ในบ้าน ร่างของเขามาตายที่นอกบ้าน ท่าทางเหมือนกำลังคลานหนีหรืออะไรซักอย่างนี่แหละ”

“แล้วฉันจะรู้อะไรซักอย่างของนายไหมเล่า”

“เอาน่า รู้ไม่รู้ก็ฟังนี่หน่อยละกัน แต่มีเพียงศพเดียวที่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ นั่นคือศพของลูกชายคนเล็กของตระกูล”

“อืม แล้วไง”

“เฮ้ย ให้ตายเหอะ นายจะขัดฉันพูดไปไหนเนี่ย เด็กคนนั้นน่ะเป็นหนึ่งใน 5 ผู้ถูกทดลอง ตอนนี้จากสายของฉันครั้งสุดท้ายที่เราเห็นเขาอยู่ที่ท่าเรือ วิเอลชัน ในจักรวรรดิ มัวแซชัน”

“อะไรชัน ๆ นะ”

“นี่นายอย่าทำหูทวนลมหน่อยเลยนะ จากที่นายถามฉันไปในตอนแรกไง คนที่นายพูดถึงน่ะอยู่ในเมือง เพรฟ ใช่ไหมล่ะ จากจุดของท่าเรือนั้นมีเพียงเมืองเดียวที่จะไปต่อได้”

“เป้าหมายของมันคือนาย”

“แอซไซน์” แต่ที่พูดนั่นหมายถึงคนที่ทั้งน่าเป็นห่วงและน่ากังวลในคราเดียวกัน

>< +++ >< +++ ><

“ยินดีที่ได้รู้จักแอซไซน์ ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถูกทดลองนั่นเช่นกันกับคุณ”

---
ไม่ได้มาอัพนานแฮะ - -"
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
g.rabbit

g.rabbit


Registered : 14/11/2008
Posts : 134

สถานะ : กะต่ายวีไอพี
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue250 / 999250 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Brabbitb_1

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeWed Jan 07, 2009 6:17 pm

อ๊ากกกกกก >___<"
ไม่มีอะไรทำเลยลองเข้ามานั่งอ่านฟิคดูฮะ
อ่านรวดเดียวไปเลย

เอามาลงต่อเถอะ!!!
ท่านลาวี่เขียนดีมากเลยฮะ ชอบ!! >_<b
บรรยายได้ดีมากเลยฮะ คิดตามได้ตลอดเลย

ชอบแอซไซน์คนผมขาว
ตอนที่อยู่ในบ้านของแอสเชอร์มาก
เท่สุดๆไปเลยย!!!


พออ่านไปเรื่อยๆแล้ว
รู้สึกว่าเรื่องของแอซไซน์คนผมขาว
นี่มันเศร้าอย่างไม่ทราบสาเหตุแฮะ..


เอามาต่อเร็วๆนะฮะรออยู่ *-*b
ขึ้นไปข้างบน Go down
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeThu Jan 08, 2009 10:44 pm

โอะ มีคนอ่านด้วย *0*
วี่ก็ชอบแอซเหมือนกันนะ ประวัติเศร้า (?)
จะว่าเศร้าก็เศร้าหมด (มั้ง)

The Final Sanguinary
[บทที่ 7 – Blood – Red II]




ซ่า... ซ่า... ซ่า...

คลื่นกระทบฝั่งส่งเสียง หรืออาจไม่มีเสียงก็ได้ใครจะรู้

รอยเท้าที่เคยเดินเลาะฝั่งถูกคลื่นซัดซาให้หายไป เนินทรายถูกเกลี่ยเป็นรอยของคลื่น กลิ่นลมทะเลที่พัดมาดึงดูดร่างของเธอให้เข้าใกล้น้ำสีเข้มนั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เท้าเดินตรงเขาสัมผัสกับผืนทราย น้ำทะเลซัดเข้ามา เท้าจมลงลึกไปยิ่งขึ้น

หญิงสาวยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ผิวกายเป็นสีขาว ผมเป็นสีทอง ดวงตาสีฟ้าอมเขียวสดสวย ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบ หน้าเจือจางด้วยสีชมพูน้อยนิด

เธอก้าวเท้าลงไปลึกเรื่อย ๆ

น้ำอยู่ระดับเข่า น้ำอยู่ระดับเอว และเธอจมหายไปในน้ำทะเลอันมืดมิด

ความตายรออยู่ในเงามืดช่างเย็นเยียบ และทรมานกว่าที่ใครจะคาดคิด ทว่ามันก็อ้อยอิ่ง งดงาม และน่าสัมผัสให้ลึกเกินกว่าสติปัญญาตนจะเข้าถึงได้เช่นกัน

>< +++ >< +++ ><

“ยินดีที่ได้รู้จักแอซไซน์ ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถูกทดลองเช่นกันกับคุณ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาสีน้ำตาลเลื่อนลอย มือผายออกราวกับว่าตั้งใจต้อนรับแขกตรงหน้าด้วยไมตรีจิต

“ถูกทดลอง ?” แอซไซน์ทวนคำ แต่ครั้งนี้คนทวนกลับเป็นตัวเธอเอง ไม่ใช่ ‘เธอคนนั้น’

“พูดอะไรอย่างนั้นกันเล่า ผมอุตส่าห์รอให้คุณมาถึงที่ คุณไม่คิดจะทำอะไรผมเลยเหรอ ?”

แอซไซน์ชักเท้าถอยหลัง หมายถึงเธอคนนั้นถูกดันเข้าไปในส่วนลึก เสียงตะโกนดังแว่วมาเป็นระยะ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเสียงของใคร เสียงของผู้หญิง หรือผู้ชาย เสียงร้องนั้นไร้ความหมายเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ถูกคุกคามโดยสายตาสีน้ำตาลนั้น

“อะไรกัน คุณกลัวเป็นด้วยเหรอ ทั้ง ๆ ที่เป็นบุคคลที่น่าจะเป็นที่สุดของสัตว์ร้ายในบรรดาพวกเราแล้วนะ อยากรู้จริง ๆ ว่าพวกเขายัดอะไรใส่ตัวคุณ แต่เท่าที่ได้ยินข่าวมาคุณเป็นผู้ชาย แถมยังมีผมสีรัตติกาลด้วยไม่ใช่เหรอ แต่ข่าวมันคงมีผิดกันบ้างล่ะ”

หูฟังเสียง แต่หลายสิ่งเริ่มไม่รับรู้ เรื่องราวในใจลึก ๆ ปะติดปะต่อกันราวกับนำกระดาษที่ขาดมาต่อกัน แต่ส่วนเล็กน้อยยังคงเหลืออยู่

ดวงตาสีโลหิตเปล่งประกายแววของนักฆ่าชั่ววูบ ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งอย่างที่ไม่เคยเป็น รังสีการฆ่าฟันเพียงพริบตาเรียกอาการกระตุกของกล้ามเนื้อได้ รวมถึง...มันอาจจะเป็นสัญญาณในการเปิดฉากต่อสู้เสียด้วย

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
Lavypoo

Lavypoo


Registered : 04/10/2008
Posts : 2390

สถานะ : ปั่นงาน ...
Fame Gauge :
The Final Sanguinary Left_bar_bleue400 / 999400 / 999The Final Sanguinary Right_bar_bleue

พรรค<br> : The Final Sanguinary Mametorib

The Final Sanguinary Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: The Final Sanguinary   The Final Sanguinary Icon_minitimeThu Jan 08, 2009 10:46 pm

เมลเดินออกมาจากห้องทดลอง และเมื่อถึงจุดทางแยกแอซไซน์ก็เดินไปอีกทางด้วยสีหน้าสนุกสนานกันทั้งคู่........

เมลเดินตรงไปยังห้องควบคุม ในมือล้วงกระเป๋าในชุดกาวน์ (เขาถอดชุดคลุมสีน้ำตาลไว้ในห้องทดลองส่วนตัว) เมื่อถึงหน้าห้องทหารยามก็เปิดประตูให้เขาเข้าได้ แต่ก่อนจะปิดประตูลงนั้น เสียงนินทาระยะเผาขนยังมีแว่วดังมาให้ได้ยินอยู่

“...อาศัยแค่บารมีพ่อล่ะว้า...”

“หึ”

“มีอะไรน่าสนุกหรือครับ คุณเมล ไม่สิ ต้องบอกว่ามีอะไรให้รับใช้ หึหึ” ชายหนุ่มในห้องกระจายเสียงพูด ขาทั้งสองข้างพาดขึ้นไว้บนแผงควบคุมเสียง เมลเลิกคิ้ว เจ้าตัวจึงแสร้งทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้แล้วยกขาลง

“ไร้มารยาทเหมือนเดิมนะ หืม”

“ขออภัย หึหึ แหมไม่นึกว่าลูกประธานการฆ่า เอ๊ย ไม่สิ คนอย่างคุณจะเหยียบย่างเข้ามาในที่ทำงานกระผม”

“ฉันมีเรื่องอยากป่าวประกาศนิดหน่อยน่ะ”

“เหอะ งั้นก็เขียนให้ผมประกาศสิ มันหน้าที่ผมนี่นา”

“เห็นทีจะไม่ได้ว่ะ ฉันเหม็นหน้าแกด้วย”

“อะไรวะ วอนหาเรื่องซะแล้ว ขัดขวางหน้าที่ก็ถือว่ามีความผิดนะคุณเมล เฮ้ยพวกเราเข้ามาสั่งสอนคนไม่รู้ความกันหน่อยเร็ว”

พวกทหารยาม 2 คนเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางว่าพวกเขาจะอยากอัดเมลเสียเหลือเกิน

มีหลายคนในป้อมปราการแห่งนี้ที่ไม่ชอบเขา และคอยหาโอกาสเหน็บหรือการกระทำอันรุนแรงอื่น ๆ เข้าใส่เสียบ่อยครั้ง

เมลผิวปากแล้วเดินตรงไปเปิดปุ่มกระจายเสียงหน้าตาเฉย พร้อมยังกดปุ่มเปิดประตูทุกประตูในปราการอีกด้วย เสียงโห่ร้องของนักโทษดังระงมไปทั่ว

“เวร ทำไรวะ !” ชายคนที่ทำหน้าที่ในห้องพูดสบถ

“ทำความสะอาดครั้งใหญ่น่ะ...ทุกคนโปรดทราบ หากได้ยินข้อความนี้ –” ทั้งสามคนที่เหลือในห้องซึ่งเห็นเหตุการณ์เล็งปืนขึ้นยิงเข้าใส่

ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ !!

“แก...แกเป็นปีศาจหรือไงวะ !?”

เมลที่น่าจะตายไปแล้วยังยืนอยู่หน้าตาเฉย กระสุดทั้งหมด 10 นัดฝังอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เลือดสีแดงไหลอาบชุดสีขาว

“เฮ้อ ให้ฉันพูดจบก่อนสิ เนี่ยน่ะนะผู้มีมารยาทน่ะ”

สิ้นเสียงของเมลคนของทหารยามที่ใกล้ที่สุดก็ขาดกระเด็น สิ่งที่ทุกคนเห็นมีเพียบการขยับแขนอย่างรวดเร็วของเมลเท่านั้น แต่เมื่อมองกลับไปที่เมลอีกทีนั้น กลับพบสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อร่างของเมลค่อย ๆ ขยายบางส่วนและลดบางส่วน ขนร่างค่อย ๆ ยาวขึ้น หยาบกร้านและแข็งเหมือนขนของสัตว์ป่า

“ไอ้พวกสวะที่ยังมีชีวิตอยู่ ฟังซะ หนีออกไปจากอาคารนี้ให้ได้ เพราะนักฆ่าผู้โหดเหี้ยมที่สุดกำลังไล่ฆ่าพวกนายอยู่ รวมทั้งฉัน...เมล ด็อกเตอร์ประจำอาคารแห่งนี้ด้วย” พอพูดธุระจบเมลจึงกดมือลงบนแผงควบคุม มือที่มีกรงเล็บแหลมยาวออกมากับขนสีน้ำตาลทอง

“เอาล่ะ แล้วก็พวกแก ...อืม จะเล่นกับพวกแกยังไงดีนะ” เมลว่าแล้วย่างเท้าเข้าหา เขาเองก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ทั้ง 5 นั้นเช่นกัน เพียงแต่เป็นผลลัพธ์ คนแรกที่เกิดมาเท่านั้น

เมลยิ้ม แอซไซน์ได้รับสัญญาณจากเพื่อนผู้แสนดียิ้ม

ทั้งคู่กำลังจะชโลมสีขาวให้กลายเป็นสีแดง มันคงจะสดสวยและน่าอยู่ยิ่งกว่าเดิมขึ้น จริงไหมนะ ?

>< +++ >< +++ ><

"ถูกทดลอง ?"คำถามเดิมถูกทวนขึ้นแอซไซน์เริ่มสับสน

เธออยู่ข้างใน...แต่ก็เฉพาะในตอนแรกเท่านั้นแต่อยู่ๆ แรงสั่นสะเทือนจากการถูกกดดันภายนอกกลับทำให้เธอคนนั้นหลบหน้าหายเข้าไป ซ่อนอยู่ข้างในลึก ๆ และตัวเธอก็ถูกดันออกมา

"ใช่ งั้นเรามาแนะนำตัวกันหน่อยดีมั้ยครับ ผมมอเดอท์ (Murder) ผู้เรียบง่าย"

>< +++ >< +++ ><

คฤหาสน์กลางน้ำที่ตั้งอยู่ทางใต้ของดินแดน

พื้นที่ส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายทว่ายังคงความหรูหราในแบบฉบับของมันอยู่

เสียงคลื่นกระทบฝั่งกับกลิ่นน้ำชาที่ลอยอยู่ในอากาศผ้าม่านผืนบางพัดเบา ๆ ยามต้องลมทะเลบนชั้นบนสุดของคฤหาสน์ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงริมระเบียงตรงหน้ามีโต๊ะน้ำชากับชุดถ้วยชาวางไว้1 ชุด ใบหน้าที่แม้แก่ชรามากบ่งบอกถึงความอ่อนโยนที่โอนอ่อนลงตามอายุขัยชายชรานั่งเก้าอี้โยกเอนกายไป – มาใบหน้านั้นเปี่ยมด้วยความสุข

"บลัดเรด ผู้หิวกระหาย อีฟ ผู้ปีติ มอเดอท์ ผู้เรียบง่าย โนน ความว่างเปล่า เซลลอท ผู้บ้าคลั่ง แอซไซน์ ผู้ชื่นชม...ผลลัพธ์ทั้งหกกำลังมุ่งหน้าเข้าหากันแล้วรวมถึงตัวลูกด้วยสินะ...โนน ?"

เจ้าของชื่อชะงักเล็กน้อยหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองเรียบตรงยาวถึงช่วงขาล่างผิวกายสีขาวเนียนละเอียดดุจไข่มุกสะท้อนรับกับแดดจ้าใบหูที่ผิดธรรมชาติ แลไปคล้ายพวกเอลฟ์กลับไม่ได้ทำให้เธอดูผิดแปลกแต่อย่างใด ดวงตาสีฟ้าอมเขียวเหมือนน้ำทะเลยามเช้าไร้ซึ่งแววใด ๆ สื่อออกมา

ริมฝีปากกลีบกุหลาบขยับหมายจะเอื้อนเอ่ย แต่ครั้นมองเห็นถ้วยน้ำชาในมือเจ้าตัวจึงนิ่งเสีย โนนขยับถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเชื่องช้าจากนั้นจึงวางมันลง เธอพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบของคำถามเมื่อครู่ ชายชรามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าอาบยิ้มแล้วเขาจึงพูดต่อ"ชุดวันพีชสีขาวนั้นเข้ากับเธอจริง ๆ คิดถูกแล้วที่สั่งตัดมาให้"

โนนก้มมองชุดที่ใส่อยู่ตรงช่วงอกถึงปลายกระโปรงเปื้อนสีแดงเข้ม...

"ไม่ต้องห่วง รอยเปื้อนนั่นก็เหมาะกับเธอดีว่าแต่ว่า... โนนเอ๋ย ลูกเล่นคืนทุกสิ่งสู่ความว่างเปล่าไปหมดเช่นนี้แล้วเราจะอยู่กันยังไงเล่า ในเมื่อจนตอนนี้ไม่เหลือคนรับใช้สักคนแล้วนะ"

ชายชราจิบน้ำชาในถ้วยภายในคฤหาสน์เกลื่อนไปด้วยศพของผู้เคราะห์ร้าย ร่างกายถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ อย่างไร้ความเมตตาจิต ทุกสิ่งถูกคืนสู่ความว่างเปล่าจากที่มีชีวิตกลายเป็นไร้ซึ่งชีวิต

"ว่าแต่ว่า เธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะโนน ?"

โนนจับจ้องมองชายชราผู้เรียกตนว่าลูกแล้วเธอจึงพูดขึ้นเป็นคำแรกของวัน

"เมื่อคุณตายค่ะ"

"...งั้นก็ขอเวลาฉันหน่อยนะไม่นานนักหรอก"

...ช่างแลเป็นการสนทนาที่ขัดแย้งกันมากมายนัก...

>< +++ >< +++ ><
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://lavypoo.deviantart.com
 
The Final Sanguinary
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 2ไปที่หน้า : 1, 2  Next
 Similar topics
-
» ห้องของ★Lynixs~ [12/08/11] UPDATE!!! แฟนอาร์ตมาชู และมาคิน่า final fantasy!!~

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
NAMELESS! :: สถานที่สำคัญในเมือง :: ลำนำแห่งห้วงธาราเซเรน-
ไปที่: